เมื่อวันที่ 24 มีนาคม น.ส.บุญกร บัวแก้ว อายุ 42 ปี อาชีพค้าขาย ชาวอ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช เป็นตัวแทนของครอบครัวในการพาหลานชายและหลานสาว จำนวน 4 คน กล่าวภายหลังเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ว่า ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ได้เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพ จึงได้เป็นตัวแทนของครอบครัวในการพาหลานเข้าร่วมสักการะพระบรมศพ เนื่องจากคุณแม่ต้องการให้หลานๆ ได้มีโอกาสเข้ากราบสักการะพระบรมศพสักครั้งหนึ่งในชีวิต แต่ด้วยเรี่ยวแรงที่ไม่ไหวจึงให้ดิฉันพาหลานมาก่อน ซึ่งเมื่อได้เข้ากราบสักการะพระบรมศพแล้ว ก็รู้สึกตื้นตันใจและถือเป็นบุญของชีวิตอย่างมาก และก็ถือเป็นครั้งแรกของหลานๆ ที่ได้เข้ามายังพระบรมมหาราชวัง ตั้งใจว่าถ้ามีโอกาสก็จะมาอีกเรื่อยๆ เท่าที่จะทำได้ เพื่ออย่างน้อยเป็นการแสดงออกให้เห็นว่า ประชาชนรักพระองค์มากแค่ไหน เหมือนกันที่พระองค์รักเรา ทรงงานยากหนัก เพื่อให้ประชาชนมีความอยู่ดีกินดี
“แม้ว่าตลอดทั้งชีวิตดิฉันจะไม่ได้มีโอกาสรับเสด็จฯ พระองค์เลย แต่คุณพ่อของดิฉันก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระองค์อย่างมาก โดยครั้งที่พระองค์ได้เสด็จฯ มายัง อ.เชียรใหญ่ ปี 2518 คุณพ่อได้มีโอกาสรับเสด็จฯ พระองค์ในฐานะที่เป็นคุณครู โรงเรียนวัดคงคาวดี พระองค์ได้ตรัสถามคุณพ่อ ถามไถ่ถึงสารทุกข์สุกดิบ คุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ว่าเป็นอย่างไร ลำบากอย่างไรหรือไม่ ต้องการให้ช่วยเหลือด้านใดบ้าง พร้อมทั้งยังได้ตรัสให้กำลังใจ ในการปฏิบัติข้าราชการครูอย่างเสียสละต่อไป ซึ่งคำพูดของพระองค์ในวันนั้น ถือเป็นสิ่งที่คุณพ่อได้น้อมนำมาปฏิบัติ และสอนลูกหลานให้ดำเนินชีวิตเป็นคนที่ดี มีความเสียสละเพื่อสังคม และหากเข้ารับราชการก็ให้เป็นข้าราชการที่ดี มีความซื่อสัตย์สุจริตของประเทศชาติต่อไป” น.ส.บุญกร กล่าว
ด.ช.วิชญ์ภาส บัวแก้ว อายุ 10 ปี นักเรียนโรงเรียนโสมาภา 4 หลานชาย กล่าวว่า แม้ว่าผมจะเกิดไม่ทันในช่วงที่พระองค์เสด็จฯ ไปยังถิ่นทุรกันดาร ทรงงานอย่างหนัก แต่ก็ได้รับการบอกเล่าจากคุณยาย ทางโรงเรียน และเห็นทางสารคดีโทรทัศน์ว่า พระองค์ทรงงานหนักแค่ไหน ทรงมีพระราชกรณียกิจและโครงการพระราชดำริมากมาย ทั้งโครงการฝนหลวง ที่ช่วยแก้ไขปัญหาฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล โครงการกังหันชัยพัฒนา ที่ช่วยบำบัดน้ำเสีย โครงการแก้มลิงที่ช่วยเก็บกักน้ำ แก้ไขปัญหาน้ำท่วม และน้ำแล้ง แนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่สอนให้ผมรู้จักเก็บออม เวลาอยากได้อะไรก็ต้องเก็บเงินซื้อเอง
นายสมชาย แสนวงค์ หนุ่มกะเหรี่ยง อายุ 41 ปี เดินทางมาพร้อมด้วยครอบครัวและญาติๆ รวม 6 คน จาก อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน กล่าวว่า คุณแม่อยากเดินทางมากราบสักการะพระบรมศพในหลวง รัชกาลที่ 9 ตัวเองจึงพยายามเก็บหอมรอมริบเพื่อซื้อตั๋วเครื่องบินพาแม่ ภรรยา และลูก มาพร้อมกัน โดยมีญาติผู้ใหญ่อีก 2 คนเดินทางมาด้วยกัน
“คุณแม่อยากมากราบพระบรมศพในหลวง ร.9 มาก เพราะที่ผ่านมาพระองค์ท่านทรงมีพระคุณกับคนไทยทุกคน ทรงช่วยเหลือประชาชนมาตลอด โดยเฉพาะเผ่ากะเหรี่ยงได้รับความช่วยเหลือมาโดยตลอด อย่างที่ลำพูนพระองค์ท่านก็ทรงเข้าไปช่วยเรื่องชลประทาน ขณะที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเข้าไปช่วยเรื่องการทอผ้า สร้างอาชีพให้ราษฎรมีรายได้ ส่งผลให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น” นายสมชาย กล่าว
สำนักพระราชวังสรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 23 มีนาคม มีจำนวนทั้งสิ้น 31,418 คน รวม 141 วัน มี 5,526,379 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 4,446,910.25 บาท รวม 141 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 459,294,681.84 บาท
