เปิดตัวเต็งก.อ. ชุดใหม่ รู้ผล 11 มี.ค.นี้ หลังเปิดส่งบัตร 17 ก.พ. ประเภทอัยการชั้น 5 ขึ้นไปเเข่งดุเดือด ‘โกวิท’ มาเต็ง สายบำนาญ ‘ยรรยง’ อดีตเลขาธิการอส.คนเเรกมีลุ้น สายงบประมาณเชื่อ ‘สุดฤทัย’ เข้าเบียดได้
เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็วๆนี้ทาง สํานักงานคณะกรรมการได้ออกเผยเเพร่เอกสาร ข้อมูลในการแนะนำตัว ประวัติการทำงาน ผลงาน และวิสัยทัศน์ เกี่ยวกับการปฏิบัติงานในหน้าที่ของตนเพื่อรับการเลือกตั้งเป็นคณะกรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุฒิ (ก.อ.)ปี2568
ด้วยกรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุฒิจะครบวาระการดำรงตำแหน่งในช่วงเดือน มี.ค.2568 ซึ่งตาม พรบ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2560มาตรา 23 วรรคหนึ่ง ให้อัยการสูงสุด ดำเนินการให้มีการเลือกประธาน ก.อ. และกรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุฒิภายใน60 วันก่อนวันครบกำหนด วาระหรือภายใน60 วันนับแต่วันที่มีเหตุต้องเลือก และการออกเสียงลงคะแนนต้องกระทำโดยวิธีลับ เเละได้ส่งบัตรลงคะเเนนไปถึงพนักงานอัยการที่มีสิทธิออกเสียงทั่วประเทศเเล้วตั้งเเต่วันที่ 17 ก.พ.2568 ที่ผ่านมา
ปรากฏว่ามีผู้แสดงความประสงค์จะให้สำนักงาน คณะกรรมการอัยการเผยแพร่ข้อมูลในการแนะนำตัว ประวัติการทำงาน ผลงาน และวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการ ปฏิบัติงานในหน้าที่ของตน เรียงตามลำดับตัวอักษร ดังนี้
ก. กรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการงบประมาณ ด้านการพัฒนาองค์กร หรือด้าน การบริหารจัดการ
1.รศ. ดร.เจษฏ์ โทณะวณิก ประธานคณะนิติศาสตร์วิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย
2.นางสาวปิยพรรณ พสุวิทยกุล ข้าราชการบำนาญกรมสรรพากร
3.รศ. ดร.ภูมิ มูลศิลป์ คณบดีเเละประธานหลักสูตรนิติศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต คณะสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
4.นางวิจิตรา งามนิยม ข้าราชการบำนาญ
5.พ.ต.อ. วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม
6.นางสาวสุขุมา อักษรทอง ข้าราชการบำนาญ นักตรวจสอบภาษีชำนาญการพิเศษ
7.นางสุดฤทัย เลิศเกษม อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์
8.นายอนันต์ แก้วกำเนิด ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ
ข. กรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุฒิ ประเภทผู้รับบำเหน็จหรือบำนาญ
1.นางชนิญญา ชัยสุวรรณ อดีตอธิบดรอัยการคดียาเสพติด
2.นายนันทศักดิ์ พูลสุข อดีตผู้ตรวจการอัยการเเละอธิบดีอัยการคดีพิเศษ
3.นายประสิทธิ์ ปทุมารักษ์ ข้าราชการอัยการบำนาญ
4.นายพรศักดิ์ ศรีณรงค์ อดีตรองอัยการสูงสุด เเละอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา
5.นายยรรยง เดชภิรัตนมงคล ข้าราชการบำนาญอดีตเลขานุการอัยการสูงสุด เเละอดีตเลขาธิการสำนักงานอัยการสูงสุดคนเเรกของสำนักงาน
6.นายวิภาส สระรักษ์ อดีตอธิบดีอัยการสำนักงานคดีเเรงงานภาค 6
7.นายศิริศักดิ์ อัครปรีดี อดีตอธิบดีอัยการภาค 2
8.นายสุทธิ กิตติศุภพร อดีตอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้
9.นายอภิชาต อาสภวิริยะ อดีตอธิบดีอัยการคดีศาลสูง
ค. กรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุฒิ ประเภทข้าราชการอัยการชั้น 5ขึ้นไป
1.นายโกวิท ศรีไพโรจน์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต
2.นายคำนึง วงษ์ทวีทรัพย์ อธิบดีอัยการภาค 3
3.นายชัย จันเฮียงมิ่ง อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 1
4.นายชัยนันท์ งามขจรกุลกิจ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีทรัพย์สินทางปัญญา และการค้าระหว่างประเทศ
4.นายณรงค์ ศรีระสันต์ รองอธิบดีอัยการภาค 9
5.นายต่อศักดิ์ บูรณะเรืองโรจน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคณะกรรมการอัยการ
6.นายตะวัน สุขยิรัญ อัยการพิเศษ ฝ่ายคดีปกครองสงขลา1
7.นายธีระวัฒน์ พุฒิบูรณวัฒน์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีแรงงาน 1
8.นายน้ำแท้ มีบุญสล้าง เลขานุการรองอัยการสูงสุด
9.นายรมย์ศักย์ ธรรมชัยเดชา รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลสูง
10.นายสมชาย พนมรักษ์ อัยการผู้เชี่ยวชาญ สำนักงานอัยการพิเศษ ฝ่ายคณะกรรมการอัยการ3
11.นายสัญจัย จันทร์ผ่อง อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา
12.นายสุรเชษฐ์ งามวงศ์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร
สำหรับคณะกรรมการ ก.อ.นั้นประกอบด้วยประธานกรรมการอัยการ จำนวน1 คนที่ปัจจุบันไม่ใช่ข้าราชการอัยการเเละมีคุณสมบัติตามกฎหมายมาจากการเลือกตั้งของพนักงานอัยการทั่วประเทศ ซึ่งปัจจุบันคือ นายเรวัตร จันทรประเสริฐ อดีตรองอัยการสูงสุดเป็นประธาน เเละให้มีอัยการสูงสุดเป็นรองประธาน ก.อ.โดยตำแหน่ง ทั้งให้รวมรองอัยการสูงสุดตั้งเเต่อาวุโสอันดับ1-5เป็น ก.อ.โดยตำแหน่งเช่นเดียวกัน ส่วนอีก7 คนที่เหลือจะเป็นอัยการที่เกษียณอายุราชการ จำนวน 2 คน กรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 2 คน ซึ่งไม่เป็นหรือเคยเป็นอัยการมาก่อนและเป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านการงบประมาณ การพัฒนาองค์กร หรือการบริหารจัดการ (มาจากการเลือกของอัยการยกเว้นอัยการผู้ช่วย) เเละประเภทข้าราชการอัยการชั้น5ขึ้นไป4 คน โดยให้อธิบดีอัยการ สำนักงานคณะกรรมการอัยการ เป็นเลขานุการ ก.อ.
ทั้
ทั้งนี้ กรรมการ ก.อ. ทั้ง 15 คน เป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาความเหมาะสมแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการอัยการทุกระดับ และการพิจารณาดำเนินการทางวินัยและการสั่งลงโทษทางวินัยข้าราชการอัยการที่กระทำผิดระเบียบ รวมทั้งการพิจารณาออกระเบียบบริหารงานบุคคลอัตรากำลังข้าราชการฝ่ายอัยการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในกลุ่มผู้สมัครกรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการงบประมาณ ด้านการพัฒนาองค์กร ฯ ที่จะมีโอกาสได้รับเลือก2 คน จะมีคนที่มีบทบาทโดดเด่น ได้เเก่ นายอนันต์ แก้วกำเนิด ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เนื่องจากสํานักงบประมาณถือเป็นหน่วยงานที่สํานักงานอัยการสูงสุด ถือว่ามีบทบาทสําคัญแล้วจะต้องอาศัยความรู้ความสามารถจากบุคคลดังกล่าวในเรื่องการเงินและงบประมาณก็คือผู้อํานวยการสํานักงบประมาณ ซึ่งตำแหน่ง ก็จะได้เป็น ก.อ.ที่.อัยการทั่วประเทศพร้อมใจกันเลือกแทบทุกปีทุกสมัยถือเป็นเต็งหนึ่งในสายนี้
ส่วนอีก 2 คนคือ นางสุดฤทัย เลิศเกษม อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เป็นผู้มีบทบาทน่าสนใจ เพราะว่ามีความสามารถเคยเป็นผู้เข้าอบรมหลักสูตรอธิบดีอัยการรุ่น 14 เเละเนื่องด้วยความเป็นอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ รวมถึงมีนโยบายสําคัญจะเข้ามาช่วยประชาสัมพันธ์เชิงรุกระหว่างสํานักงานสูงสุดทั่วประเทศ กับสํานักงาน กับประชาสัมพันธ์จังหวัดทั่วประเทศซึ่งเป็นเครือข่ายทีมงานทั่วประเทศวิทยุแห่งประเทศไทย รวมทั้งเอ็นบีที ก็มีความสามารถที่จะทํางานเชิงรุกเพื่อพี่น้องประชาชน ได้ดี รวมถึงมีเพื่อนในรุ่มอบรมหลักสูตร เเละผู้ใหญ่ระดับสูงที่เคยอยู่ในองค์กรอัยการที่มีฐานเสียงเป็นลูกศิษย์อัยการให้การสนับสนุน

ส่วนที่น่าจับตามาแรงอีกคนรศ.ดร.ภูมิ คณบดีหลักสูตรนิติศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ รศ.ดร.ภูมิ เนื่องจากมีความสนิทกับ ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิที่ได้รับความเชื่อใจจากอัยการทั่วประเทศ 2 คนเลือกเข้ามาเป็นผู้สนับสนุนชักนำพาเข้ามาเป็น กรรมการอัยการเพื่อให้ประโยชน์กับด้านวิชาการด้านกฎหมาย กับสํานักงานอัยการสูงสุด รวมถึงภาควิชามหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒก็มีอัยการจากสำนักงานอัยการหลายคนไปเรียนเป็นนักศึกษาปริญญาเอก จึงมีฐานเสียงที่น่าจับตามองอีกคน
รศ.ดร.ภูมิ ยังดำรงตำเเหน่ง คณะกรรมการขับเคลื่อนการรับฟังความคิดเห็นกฎหมายที่เสนอโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เเละคณะกรรมการวิจัยและพัฒนาของวุฒิสภา,ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายสถาบันพระปกเกล้า โดยครั้งที่แล้วลงเลือกตั้ง ก.อ.ได้คะเเนน 1,200 กว่าคะแนน ครั้งนี้น่าจะเข้าเป้าได้

ในส่วน ก.อ. ประเภทผู้รับบำเหน็จหรือบำนาญ ตอนนี้ที่ขับเคี่ยวกันอยู่ตอนนี้ก็น่าจะมีตัวแปลกันอยู่ประกอบด้วย นายพรศักดิ์ ศรีณรงค์ อดีตรองอัยการสูงสุด , นายประสิทธิ์ ปทุมารักษ์ ข้าราชการอัยการบำนาญ , นายศิริศักดิ์ อัครปรีดี อดีตอธิบดีอัยการภาค 2 ,นายยรรยง เดชภิรัตนมงคล ข้าราชการบำนาญอดีตเลขานุการอัยการสูงสุด
นายพรศักดิ์ รองอัยการสูงสุด มีความโดดเด่นที่เป็นอัยการสายงานคดี ไต่เต้ามาจากในพื้นที่ภาค 3 สายอีสานเป็นหลัก ไม่ว่าจะนั่งตําแหน่ง อธิบดีอัยการศาลสูงภาค 3 อธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลเเขวง อาญาธนบุรี เเละอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา ซึ่งต่สงเป็นสำนักงานหลักของประเทศ ก่อนจะขึ้นมาเป็นผู้ตรวจการและรองอัยการสูงสด ซึ่งจะได้คะเเนนเสียงทั้งจากอัยการต่างจังหวัด เเฃะในพื้นที่ส่วนกลางที่จะเทคะแนนให้ อีกทั้งเป็นคนที่มีความเข้าใจการสั่งสํานวนคดีของราชการ ถ้ามีข้อตําหนิผิดพลาดคลาดเคลื่อนจากการทําคดี รุ่นน้องอัยการก็เชื่อว่าตัวนายพรศักดิ์มีความเข้าในแนวทางของคนทํางานคดีมากที่สุดคนหนึ่งจึงเข้าอกเข้าใจคนทํางานที่มีผิดพลาดได้ สไตล์ผู้ใหญ่มีเมตตาเป็นคนมีหัวใจนักรบที่ทำให้รุ่นน้องอัยการสบายใจ
ส่วนนายศิริศักดิ์ อดีตอธิบดีอัยการภาค 2 เป็นอัยการที่มีภาพลักษณ์ดี เคยเป็นอธิบดีอัยการสำนักงานคดียาเสพติด ,อธิบดีอัยการสํานักงานนโยบายยุทธศาสตร์และงบประมาณ และมาเป็นอธิบดีอัยการภาค 2 ซึ่งอัยการน้องๆก็รู้จักดีว่าเป็นคนมีอัธยาศัยไมตรีเป็นคนนุ่มนวล
น่าสนใจอีกคนคือ นายประสิทธิ์ ข้าราชการอัยการบำนาญ ซึ่งก็เป็นอัยการผู้ใหญ่ แม้จะออกจากวงการอัยการไปนานมากแล้ว แต่ชื่อเสียงจะโดดเด่นมากเพราะไปทํางานในฐานะเป็นวุฒิสมาชิก( สว.)ในวุฒิสภา รวมทั้งยังเคยเป็นสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทํางานในสภาหลายยุคหลายสมัยก็เป็นคนที่อัยการในพื้นที่ภาค7 ให้ความนิยมยิ่งนามสกุล ปทุมารักษ์ก็เป็นนักการเมืองในจังหวัดนครปฐมอยู่แล้วด้วยคะเเนนนิยมจึงมี
นายยรรยง เดชอภิรัชต์มงคล คนนี้ก็จะมีบทบาทที่เป็นที่รู้จักกันในฐานะเป็นเลขานุการนายอํานาจ เจษเจริญรัตน์ อัยการสูงสุดท่านที่เเล้วซึ่งนายยรรยงถือเป็นมือประสานเเละเป็นมือบริหารที่โดดเด่นของสำนักงานอัยการสูงสุด มีผลงานร่างระเบียบเเละกฎหมายสำคัญที่เป็นประโยชต์ต่อองค์กรเเละส่วนรวม ในสำนักงานอัยการสูงสุดทั้งนี้ยังได้รับความไว้วางใจจากผู้ใหญ่ให้เป็นเลขาธิการสำนักงานอัยการสูงสุดคนเเรกของสำนักงานอัยการสูงสุด เทียบในสายบำนาญที่ลงสมัครครั้งนี้ ก็ถือเป็นคนที่ในองค์กรยังรู้จักเเละให้ความเชื่อใจในความรู้ความสามารถเเละฝีมือบริหารอยู่

ตัวเต็งจะอยู่ใน4 คนนี้ โดยสายนี้สามารถเลือกเข้าไปเป็น ก.อ.ได้2คน
ในส่วน ก.อ.ที่เป็นข้าราชการอัยการตัังเเต่ชั้น 5 ขึ้นไปที่จะต้องเลือก 4 คน
เต็ง 1 ตอนนี้ยังเป็น นายโกวิท ศรีไพโรจน์ อธิบดีอัยการสำนักงานปราบปรามการทุจริตฯ ดูได้จากคะแนนเลือกตั้ง ก.อ.ซ่อมเเทนตำเเหน่งของนายวิรุฬห์ ฉันท์ธนนันท์ และการเลือกตั้งกรรมการเนติฯ รวมถึงนายโกวิทย์เคยเป็นอดีตอธิบดี อัยการสถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายอัยการ(สพอ.) หรือครูใหญ่โรงเรียนอัยการ โดยมีบทบาทในการจัดอบรมบรรยายปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กรบทบาทหน้าที่ของอัยการผู้ช่วยที่สอบได้รวมถึงพัฒนาเพิ่มพูลทักษะของข้าราชการอัยการทั้งหมด ซึ่งทำให้รู้จักอัยการรุ่นใหม่ที่ผ่านเข้าอบรมจำนวนมาก การลงเลือกตั้งคาดว่าได้คะแนนนิยม ทั้งนี้ นายโกวิท เป็นอัยการสายบู๊ ดูงานคดีลูกหม้อสำนักงานคดีพิเศษเก่า เคยรับผิดชอบคดีม็อบการเมืองและคดีผู้มีอิทธิพลสำคัญก่อนย้ายกลับไปภาคใต้ มีบทบาทในเรื่องคดีที่เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและคดีเจ้าหน้าที่รัฐประพฤติมิชอบสมัยเป็นอธิบดีอัยการปราบปรามทุจริตญภาค 8 ทำให้ชื่อเสียงนายโกวิทในภาคใต้เป็นที่นิยม ที่สำคัญ เป็นคิวที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุดในอนาคต ฐานเสียงก็จะมาจากผู้เข้าร่วมอบรมเเละอัยการในพื้นที่ภาคใต้ (ภาค8) ก็ทําให้มีบทบาทโดดเด่น

อีกคนคือ นายสุรเชษฐ์ งามวงศ์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีเศรษฐกิจ ที่รับสำนวนคดีเศรษฐกิจที่มีความซับซ้อนก่อนหน้านี้สมัยเป็นอัยการจังหวัดสมุทรปราการซึ่งเป็นจังหวัด สำคัญที่มีคดีสำคัญจำนวนมาก พอเข้าระดับฝ่ายก็มาอยู่ที่ที่สำนักงานอัยการคดีศาลสูงเเละสำนักงานคดีพิเศษซึ่งถือเป็นสำนักงานเกรดเอ เป็นอัยการมีฝีมือ ที่ผู้ใหญ่ไว้เนื้อเชื่อใจให้อยู่สำนักงานสำคัญมาโดยตลอด ด้วยความที่เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถเเละยังเป็นคนนุ่มนวล เป็นที่รักของน้องๆเพื่อนฝูง รวมถึงมีบทบาทเป็นสื่อกลาง ในการทำงานทั้งในองค์กรเเละนอกองค์กร อย่างถ้ามีการถ้าประชุมกับหน่วยงานต่างๆ ภายนอกอย่างเช่นศาลยุติธรรมนายสุรเชษฐ์ ก็มักจะได้รับความไว้วางใจในการทำหน้าที่ ฐานเสียงก็จะมีทั้งในภาคใต้เนื่องจากเคยเป็นอัยการจังหวัดนาทวี เเละในพื้นที่สำนักงานอัยการภาค 1 เเละภาค2ก็เป็นที่รู้จักเป็นคนที่อัยการรุ่นน้องสามารถมาถามหารือได้เนื่องจากมีความรู้ความสามารถ เเละมีมนุษย์สัมพันธ์ ที่ผ่านมาก็ช่วยสนับสนุนกิจกรรมของอัยการตลอดไม่ว่าจะด้านกีฬาหรือวิชาการ และจากการเลือกตั้ง กรรมการเนติฯที่ผ่านมาเเม้จะไม่ได้รับเลือกเเต่ก็มีคะเเนนทิ้งห่างกับคนที่ได้เเค่นิดเดียว ซึ่งก็มีการทําการบ้านต่อเนื่อง ยังเข้าถึงน้องๆในสำนักงาน มีการเดินตามแนวทางของนายพรชัย ชลวาณิชกุลซึ่งเคยเป็น ก.อ.ที่คะแนนท่วมท้นคนนึง
น่าลุ้นอีกคน คือ นายธีระวัฒน์ พุฒิบูรณวัฒน์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีแรงงานภาค 1 อดีตเลขานายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อดีตอัยการสูงสุด คนนี้ก็เป็นรายการโดดเด่นเป็นประธานรุ่นหลักสูตรอธิบดีอัยการรุ่น 14 ซึ่งเป็นอัยการรุ่น 100ปีปีรุ่นเดียวกันกับนาย นายประยุทธ เพชรคุณ อดีตโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งเป็นอัยการที่ลงเลือกตั้งทั้งภายในภายนอกองค์กรกจะมีคะเเนนท่วมท้นได้เป็นอันดับ 1 ซึ่งทั้งคู่มีความสนิทเป็นเพื่อนรักกัน ฐานเสียงก็จะเป็นกลุ่มเดียวกัน จึงเชื่อว่าจะได้ฐานเสียงจากของนายประยุทธ ไปด้วย
ที่น่าจับตามองในตอนหลังคือ นายคำนึง วงษ์ทวีทรัพย์ อธิบดีอัยการภาค3 ก็ถือเป็นแคนดิเดต ในกลุ่มนี้
ด้วยเป็นเป็นคนมีบุคคลิกพิเศษเป็นคนเข้าถึงง่าย ไม่ถือตัวเป็นกันเองกับทุกคน รวมถึงให้ความเป็นธรรมกับลูกน้อง เคยเป็นอดีตอธิบดีอัยการปราบปรามการทุจริตฯภาค 2 มีผลงานในคดีใหญ่ๆ คะเเนนเสียงจะเทมาจากพื้นที่ ภาค 2 ที่เคยรับการมายาวนาน รวมถึงจะได้จากพื้นที่ภาค 3 ที่ดำรงตำเเหน่งในปัจจุบันด้วยเนื่องจากการวางตัวที่เป็นกันเอง
ยังมีนายณรงค์ ศรีระสันต์ รองอธิบดีอัยการภาค 9 อดีตรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งเป็นอัยการที่มีบทบาทให้ความรู้กับประชาชน จนมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ของประชนเเละอัยการ ล่าสุดได้ย้ายกลับพื้นที่บ้านเกิดในภาคใต้เชื่อว่าคะเเนนเสียงในภาค8 เเละ9 รวมถึงภาคกลางจะสนับสนุน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการเลือกตั้ง ก.อ.ในครั้งนี้ มองว่าคะแนนน่าจะแตกกระจาย จะไม่มีผู้ได้คะแนนทิ้งขาดสูงมาก คิดว่าได้คะแนน 1,000 ต้นๆก็น่าจะได้รับการเลือกตั้งเป็น ก.อ.ได้เเล้ว
โดยการเลือกตั้ง ก.อ.มีกำหนดส่งบัตรคืนภายในวันที่10 มี.ค. 2568 เเละนับคะแนนในวันที่ 11 มี.ค 2568 นี้
นายประยุทธ เพชรคุณ กรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุฒิ ได้เเถลงภายหลังการประชุม ก.อ.เมื่อวันที่ 19 ก.พ.2568 ถึงการเลือกตั้ง ก.อ.ความว่า “กระผมจึงขอเชิญชวนพี่เพื่อนน้องชาวอัยการทั่วประเทศใช้สิทธิเลือกตั้งกรรมการอัยการเพื่อเป็นตัวแทนของท่านเข้าไปทำหน้าที่ในคณะกรรมการอัยการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ในการใช้สิทธิเลือกขอให้เลือกบคคลที่ยึดมั่นในความรัก สามัคคี และเข้าไปทำหน้าที่แทนท่าน ในการพัฒนาองค์กรอัยการ เข้าไปสนับสนุนผู้บริหารในการขับเคลื่อนนโยบายที่สำคัญของท่านอัยการสูงสุดและว่าที่อัยการสูงสุดท่านต่อไป จะต้องไม่ไปสร้างความแตกแยกขึ้นภายในองค์กร หรือชักจูงบุคคลภายนอกเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์และทำร้ายองค์กรอยการ ที่เรารัก รวมถึงคนที่เราเลือกจะต้องเข้าไปเป็นปากเป็นเสียงแทนทุกท่านในที่ประชุม ก.อ.โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการบริหารงานบุคคล ดังนั้นวุฒิภาวะและวิสัยทัศน์ของผู้สมัครเลือกตั้งท่านก.อ. จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ด้วยความศรัทธาและเชื่อมั่น”