เวลา 09.00 น. วันที่ 25 มีนาคม ที่สวนสันติชัยปราการ ถ.พระอาทิตย์ กรุงเทพฯ สมาคมไทยรามัญพร้อมด้วยชาวไทยเชื้อสายรามัญจากชุมชนมอญทั่วประเทศ กว่า 1,000 คน รวมตัวประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลถวายพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ตามธรรมเนียมมอญ ประกอบด้วยพิธีรำสามถาด ซึ่งเป็นพิธีบวงสรวงเทพเทวดา และบวงสรวงดวงพระวิญญาณให้เสด็จสู่สวรรคาลัย พิธีมอญร้องไห้ ซึ่งเป็นพิธีที่ชาวมอญร้องพรรณาถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ที่มีต่อชาวไทยเชื้อสายรามัญ เป็นภาษามอญ และพิธีรำมอญโดยชาวมอญจากชุมชนเกาะเกร็ด จ.นนทบุรี, ชุมชน จ.ปทุมธานี, ชุมชนพระประแดง จ.สมุทรปราการ, ชุมชนโพธาราม จ.ราชบุรี และชุมชนสังขละบุรี จ.กาญจนบุรี
นายประพัฒน์ กองศรี ประธานสมาพันธ์ชาวไทยเชื้อสายรามัญ จ.ปทุมธานี กล่าวว่า ชาวมอญในแผ่นดินไทยล้วนสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงมีพระเมตตาชาวมอญที่มาพึ่งพระบรมโพธิสมภารมาตลอดรัชสมัย จนพวกเราปักหลักใช้ชีวิตในประเทศไทยอย่างร่มเย็นเป็นสุข และภูมิใจที่ได้เกิดในรัชสมัยของพระองค์
นางสมหวัง จิตต์ปราณี อายุ 62 ปี ชาวไทยเชื้อสายรามัญจากอ.โพธาราม จ.ราชบุรี กล่าวภายหลังร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลพระบรมศพว่า ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระมหากษัตริย์ไทยและพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงดูแลชาวไทยมอญมาอย่างดีโดยตลอด ให้ที่อยู่อาศัยที่ทำมาหากิน รวมถึงเสด็จฯ ทรงเยี่ยมเป็นประจำ วันนี้ ชาวไทยรามัญจากโพธารามจำนวน 89 คน เดินทางมาร่วมพิธีรำมอญถวาย และกราบสักการะพระบรมศพที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท รู้สึกปลื้มปีติเป็นอย่างมากที่มีโอกาสได้มาระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ในวันนี้ ซึ่งตนได้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระองค์มาใช้กับการทำมาหากิน ทำให้ครอบครัวอยู่สุขสบาย โดยเมื่อก่อนทำอาชีพค้าขาย อยู่แบบพออยู่พอกินเก็บเงินได้จำนวนหนึ่งก็นำไปซื้อที่ดิน ปลูกชมพู่ ไว้กินไว้ขายในประเทศบ้าง ส่งออกต่างประเทศบ้าง จนสามารถส่งลูกชาย 2 คนเรียนจนจบปริญญาตรี มีงานการดี ๆ ทำทุกคน ในหลวง รัชกาลที่ 9 จึงมีพระคุณอย่างใหญ่หลวงต่อชาวไทยมอญและตนอย่างมาก เมื่อครั้งเสด็จสวรรคตตนและคนในหมู่บ้านคงคาใต้ ก็รวมตัวกันทำโบว์ไว้ทุกข์สีดำไว้ใช้ในหมู่บ้าน ตนและชาวไทยเชื้อสายมอญอาจเป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็ก ๆ ของพสกนิกรที่อาศัยอยู่บนผืนแผ่นดินไทยแต่ก็ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ไทยเสมอ และพยายามทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณแม้เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยก็ตาม
นางมรกต บุญส่ง อายุ 68 ปี ชาวไทยเชื้อสายรามัญ อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ต.เกาะเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่วันนี้มีโอกาสได้มาร่วมพิธีกรรมถวายพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ที่ผ่านมาก็ได้เดินทางมากราบพระบรมศพแล้ว 2 ครั้ง ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงเสด็จฯ เยี่ยม ดูแลทุกข์สุขของชาวไทยมอญที่เกาะเกร็ดอยู่เสมอ แม้เกิดไม่ทันแต่ได้ยินมาว่าทรงเคยเสด็จฯมาเกาะเกร็ดพร้อมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปรเมนทรมหาอานันทมหิดล จากนั้นเสด็จฯ มาอีกครั้งเมื่อปี พ.ศ. 2555 ทำให้เศรษฐกิจของชาวบ้านในเกาะเกร็ดที่เริ่มซบเซากลับมาคึกคักอีกครั้งหนึ่ง นอกจากนี้พระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์ยังเสด็จพระราชดำเนิน และเสด็จยังเกาะเกร็ดอีกหลายครั้ง ซึ่งตนได้นำเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ ปลูกพืชสวนครัวไว้กินเอง เหลือเยอะก็นำมาขายในชุมชน
