เตือน! กองร้อยปอยเปต เปลี่ยนมุขตุ๋นใหม่ ปลอมเป็นตร.หญิงขอคุยเสียว อัดคลิปแบล๊กเมล์

กองร้อยปอยเปต

‘จิรายุ’ จับมือตำรวจไซเบอร์ เร่งกวาดล้างแก๊งคอลรูปแบบใหม่หลังจากถูกปราบหนัก “ไม่จบไม่เลิก” โจรเน็ตเปลี่ยนมุขใหม่ หลังกองร้อยปอยเปต แป้ก ล่าสุดขโมยโปรไฟล์หนุ่มหล่อ-สาวสวย หลอกให้คอลสยิว สุดเหิมเกริมก๊อบปี้รูปผู้หมวดหญิง หน้าตาดี ตร. เปิดบัญชีทุกแพลตฟอร์มหลอกหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ให้คอลสยิวแล้วแบล๊กเมล์รีดเงินสูญนับล้าน

กองร้อยปอยเปต – เมื่อวันที่ 7 มีนาคม นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ก่อนหน้าที่รัฐบาลจะปฏิบัติการปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชนิด “ไม่จบไม่เลิก” ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี หลังจากภารกิจตัดน้ำตัดไฟ ไม่ส่งน้ำมัน จนทำให้มีแก๊งคอลถูกจับกลุ่มหลายพันคน ทั้งทางฝั่งตะวันตกและตะวันออกของประเทศ ทำให้ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ การหลอกลวงลักษณะนี้ลดลงไปมากกว่า 80%

แต่ปัจจุบันแม้จะลดลง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังได้รับแจ้งความว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์นอกจากจะหลอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็น DSI เป็น ป.ป.ส. หรือเป็นเจ้าหน้าที่ศาล หรือไปรษณีย์บ้าง โดยหลอกว่าพัสดุของเหยื่อมียาเสพติด หรือเป็นผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือการฟอกเงินแล้วหลอกลวงให้เหยื่อหลงเชื่อจนโอนเงินเสียหายกันเป็นจำนวนมาก จนรู้จักกันดีว่า “กองร้อยปอยเปต”

ซึ่งปัจจุบันแก๊งเหล่านี้ยังคงใช้มุขเดิมๆ หลอกคนไทยอยู่ แต่ปัจจุบันก็เปลี่ยนมาเป็นรูปแบบ “แก๊งคอลสยิว” โดยคนร้ายเหล่านี้จะเข้าไปในโซเชียลมีเดีย ทั้ง TikTok Instagram หรือ Facebook และก๊อบปี้รูปภาพ คลิปวิดีโอ หรือกิจกรรมต่างๆ ของเจ้าของ แล้วนำมาเปิดบัญชีใหม่เป็นผู้หญิง หรือผู้ชายที่มีรูปร่างหน้าตาดี จากนั้นก็จะอินบ็อกซ์เข้าไปพูดคุยกับเหยื่อและขอแลก LINE หรือคุยผ่าน Messenger ในเฟซบุ๊ก จนกระทั่งเหยื่อตายใจก็จะใช้วิธีการหว่านล้อมเพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อ เช่น ชักชวนลงทุนเล่นการพนัน หรือชวนอาบน้ำด้วยกัน หรือไม่ก็เปลือยกาย แล้วถ่ายอัดคลิปวิดีโอไว้ จากนั้นก็จะแสดงตนเป็นคนร้ายทันทีเพื่อแบล๊กเมล์เรียกเงิน

ทั้งนี้ ตนและฝ่ายสืบสวนตำรวจไซเบอร์ได้วางแผนจับกุมหลายครั้งในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา โดยกลุ่มแก๊งคอลดังกล่าวนี้ล่าสุดได้ก๊อบปี้รูปและคลิปวิดีโอกิจกรรมต่างๆ ของตำรวจหญิง ยศ ร.ต.ท.คนหนึ่งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มีรูปร่างหน้าตาดีไปหลอกเหยื่อจำนวนมาก

ADVERTISMENT

ซึ่งได้สอบถามพร้อมกับส่งข้อมูลไปที่ ร.ต.ท.หญิงคนดังกล่าว ซึ่งยืนยันว่า ร.ต.ท.หญิงคนดังกล่าวมีตัวตนจริง แต่ในบัญชีอื่นๆ แจ้งว่าถูกก๊อบปี้รูปถ่ายของผู้หมวดหญิงคนนี้ไปเปิดมากกว่า 10 บัญชี ทั้งทาง Facebook TikTok Instagram และ LINE ซึ่งการใช้โปรไฟล์ของตำรวจหญิงก็เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับเหยื่อว่าไม่ใช่แก๊งคอลแน่นอน หลังจากนั้นคนร้ายกลุ่มนี้ก็นำโปรไฟล์ของผู้หมวดหญิงไปหลอกสนทนากับเหยื่อ โดยจะใช้วิธีการอินบ็อกซ์ หรือกดไลค์ ตามด้วยคำหวานทำให้เหยื่อรู้สึกดี และพูดจาหว่านล้อม หลอกให้เหยื่อหลงตายใจอย่างใจเย็น จากนั้นคนร้ายก็จะพยายามชักชวนให้ช่วยสนับสนุนเนื่องจากเป็นตำรวจเงินเดือนน้อย มีภารกิจ เช่น จะนำเงินไปซื้ออาวุธปืน จากนั้นก็จะชวนสนทนาในเรื่องเพศ

ซึ่งหากเหยื่อหลงกลก็เปลื้องผ้า หรือทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง คนร้ายก็จะก๊อบปี้หน้าจอ หรืออัดวิดีโอไว้แล้วนำมาแบล๊กเมล์เรียกเงินตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักล้าน ซึ่งคนร้ายกลุ่มดังกล่าวจะใช้วิธีดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ทำให้เหยื่อจำนวนมากไม่กล้าแจ้งความ เนื่องจากจำนวนมากกลัวกระทบต่อครอบครัว และจำนวนไม่น้อยเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในสังคม ทั้งนี้ การกระทำผิดของแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้เป็นความผิดฐานข่มขืนใจผู้อื่น, กรรโชกทรัพย์, รีดเอาทรัพย์ และเผยแพร่สื่อลามก ตามกฎหมายอาญา มาตรา 309, 337, 338 และ 287 อีกทั้งยังมีความผิดตามกฎหมาย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 มีโทษทั้งจำทั้งปรับตั้งแต่ 3-10 ปี

ขณะที่ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ตำรวจไซเบอร์ได้ติดตามตรวจสอบกลุ่มคนเหล่านี้แล้ว ซึ่งคาดว่าจะได้ตัวแก๊งเหล่านี้ในเร็ววันนี้ และฝากเตือนภัยไปยังประชาชนให้ระวังรูปแบบนี้ ซึ่งมีประชาชนโดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้วิธีการแบบนี้ตกเป็นเหยื่อจำนวนมากในปัจจุบัน ทั้งนี้ หากไม่พร้อมจะเปิดเผยตัวตนของเหยื่อก็ขอให้แจ้งเลขบัญชีที่เหยื่อโอนไปให้กับกลุ่มคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้ เพื่อตำรวจจะได้สืบในทางลับว่าบัญชีของคนร้ายที่ใช้เป็นใคร ส่วนหนึ่งได้รับข้อมูลทางบัญชีมาแล้วพบว่าอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและภาคเหนือ ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 (รับผิดชอบกรุงเทพมหานคร) และ พล.ต.ต.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ ผบก.สอท.4 (รับผิดชอบภาคเหนือ 17 จังหวัด) เร่งดำเนินการแล้ว

นายจิรายุกล่าวต่อไปว่า ขอเตือนไปยังผู้ที่เล่นโซเชียลมีเดียให้ตระหนักรู้ไว้ว่าตนเองไม่ใช่คนที่มีหน้าตาหล่อ หรือสวย หรือโลกสวย รักแท้จะมีจริงในโลกไซเบอร์ เพราะกลุ่มคนร้ายจะใช้ LINE หรือรูปถ่ายที่ดูดีมีความล่อแหลมทางเพศ เมื่อเหยื่อหลงเชื่อก็จะติดกับดักเหล่านี้ ซึ่งในขณะที่ตำรวจกำลังติดตามจับแก๊งคอลสยิวเหล่านี้ ส่วนหนึ่งอยู่ในกรุงเทพมหานครและทางภาคเหนือ และส่วนหนึ่งยังคงทำงานอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน

“ขอเตือนสังคมว่าให้ตระหนักไว้ว่านี่คือ ‘รักแท้ในคืนหลอกลวง…ของฟรีไม่มีในโลก’ คนในโซเชียลมีเดียถ้าไม่ได้พบตัวจริงอย่าหลงเชื่อ อย่าโอน อย่าปล่อยใจให้เตลิดเด็ดขาด“

ทั้งนี้ คณะทำงานชุดสืบฯ หลังจากที่ได้ทำการล่อซื้อได้บันทึกรายละเอียดในทุกขั้นตอนที่คนร้ายใช้ทุกแพลตฟอร์มและวิดีโอคอล เพื่อเป็นสื่อเตือนภัย ซึ่งพบว่าคนร้ายจะหว่านล้อมเหยื่อต่างๆ นานา โดยพยายามจะให้เหยื่อเปิดกล้องให้เห็นหน้าเพื่อก๊อบปี้ภาพ หรือบันทึกคลิปไว้แบล๊กเมล์เรียกเงิน หากเหยื่อไม่หลงกล ไม่เปิดให้เห็นหน้า เมื่อคนร้ายไม่สามารถปฏิบัติภารกิจแบล๊กเมล์ได้สำเร็จก็จะปิดกล้องแล้วด่าหยาบคาย จากนั้นก็จะปิด TikTok หรือ Facebook ที่ตนเองก๊อบปี้ภาพจากคนอื่นมาทิ้ง ทั้งนี้ รัฐบาลจึงขอเตือนประชาชนอย่าหลงกลกับคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มาในรูปแบบนี้อย่างเด็ดขาด