กรมบัญชีกลาง อนุมัติขยายวงเงิน 200 ล้าน ช่วยแผ่นดินไหว ปภ.เร่งพัฒนาส่ง SMS เตือนภัย

บกปภ.ช.แถลงข้อมูลการติดตามสถานการณ์ ผลกระทบ และการแก้ไขปัญหาจากแผ่นดินไหว เผย
กรมบัญชีกลางอนุมัติขยายวงเงินทดรองราชการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน 200 ล้านบาท ประสานทุกหน่วยดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกฯ เร่งช่วยเหลือปชช.ครอบคลุมทุกมิติ

เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 29 มีนาคม ที่กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะฝ่ายเลขานุการกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) เปิดเผยถึงกรณีเหตุการณ์แผ่นที่ดินไหวขนาด 8.2 ลึก 10 กิโลเมตร เมื่อวันที่ 28 มี.ค. เวลา 13.20 น.โดยมีศูนย์กลางที่ประเทศเมียนมาว่า ส่งผลให้ประเทศไทยได้รับผลกระทบหลายพื้นที่และสถานการณ์มีความรุนแรง ส่งผลกระทบให้เกิดความเสียหายต่อร่างกาย ชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนเป็นจำนวนมาก กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) จึงได้ประกาศยกระดับการจัดการสาธารณภัยกรณีแผ่นดินไหวเป็นสาธารณภัยขนาดใหญ่ (ระดับ 3) ตามแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ.2564 – 2570 โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว. มหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ เพื่อให้การอำนวยการ ประสานการปฏิบัติระหว่างหน่วยงานทุกภาคส่วนในการช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยเป็นไปอย่างมีเอกภาพ

นายภาสกร กล่าวว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น มีพื้นที่รับรู้แรงสั่นไหว รวม 57 จังหวัด รวมถึงกรุงเทพมหานคร โดยมี Aftershock ขนาด 2.8 – 7.1 รวม 138 ครั้ง และได้รับรายงานความเสียหายรวม 14 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน แพร่ เพชรบูรณ์ สุโขทัย พระนครศรีอยุธยา นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และจังหวัดชัยนาท รวมถึงกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงมากที่สุด โดยมีผู้เสียชีวิต 8 ราย บาดเจ็บ 9 ราย และสูญหาย 80 ราย โดยในส่วนของความเสียหายด้านที่อยู่อาศัย พบว่ามีบ้านเรือนเสียหาย รวม 89 หลัง อาคาร 36 แห่ง และโครงการก่อสร้าง 14 แห่ง โดยอาคารส่วนใหญ่ได้รับความเสียหายบางส่วน เกิดรอยร้าว และมีเศษซากวัสดุหลุดออกจากผนังอาคาร

นายภาสกร กล่าวต่อว่า ปัจจุบันได้มีการประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย และเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินแล้ว จำนวน 2 จังหวัด ได้แก่ ปทุมธานี และแพร่ อีกทั้งกรุงเทพมหานครได้มีการประกาศเขตพื้นที่ประสบภัยพิบัติเต็มพื้นที่ ซึ่งขณะนี้กรมบัญชีกลางได้อนุมัติให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ขยายวงเงินทดรองราชการเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (กรณีแผ่นดินไหว) ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและ 76 จังหวัด ซึ่งเป็นวงเงินในอำนาจของอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จำนวน 200 ล้านบาท สำหรับใช้จ่ายด้านการดำรงชีพและด้านการปฏิบัติงานฯ

ADVERTISMENT

นายภาสกร กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ได้มีข้อสั่งการไปยังหน่วยปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง และจะมีติดตามความคืบหน้าในอีก 1 สัปดาห์ โดยมีประเด็นต่างๆ ประกอบด้วย การบริหารสถานการณ์และการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ได้ให้กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เป็นศูนย์กลางในการอำนวยการ ประสานการปฏิบัติระหว่างหน่วยงาน ระดมสรรพกำลังและทรัพยากรในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในภาพรวม รวมถึงให้ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ส่วนหน้ากรุงเทพมหานคร ดำเนินการให้ความช่วยเหลือและค้นหาผู้ที่ยังติดค้างอยู่ในอาคารที่ถล่ม โดยมีผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ ณ จุดเกิดเหตุ

การแจ้งเตือนประชาชน ได้ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เร่งพัฒนาระบบ cell broadcast ที่จะสามารถส่งข้อความแจ้งเตือนไปยังโทรศัพท์มือถือของประชาชนโดยตรง เพื่อให้ประชาชนได้รับการแจ้งเตือนอย่างรวดเร็ว และทันต่อสถานการณ์

ADVERTISMENT

นายภาสกร กล่าวอีกว่า การคมนาคมและการจราจร ให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมความพร้อมรองรับ หากเกิดกรณีจำเป็นต้องทำการปิดเส้นทางคมนาคมและการจราจร โดยมีระบบการแจ้งเตือนการปิดเส้นทางให้ประชาชนทราบ พร้อมประชาสัมพันธ์เส้นทางเลี่ยง รวมถึงให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมกับกระทรวงคมนาคม และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย เร่งแก้ไขปัญหากรณีเศษวัสดุจากอาคารสูงหล่นลงมาในบริเวณด่านดินแดงของทางด่วนเฉลิมมหานคร การตรวจสอบอาคาร ให้กรมโยธาธิการและผังเมือง ร่วมกับกรุงเทพมหานคร สมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดตั้งคณะกรรมการ/คณะทำงาน เพื่อทำการตรวจสอบอาคารที่ได้รับผลกระทบ และยืนยันความปลอดภัยของอาคาร เพื่อให้ผู้ใช้อาคารมีความเชื่อมั่นในเรื่องความปลอดภัยของโครงสร้างอาคาร

นายภาสกร กล่าวว่า การประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร ให้กระทรวงการต่างประเทศ ทำการสื่อสารภาคภาษาอังกฤษ เพื่อสร้างความเข้าใจแก่นักท่องเที่ยวและสื่อมวลชนจากต่างประเทศที่ให้ความสนใจ และติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รวบรวมเบอร์โทรศัพท์สายด่วนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบสถานการณ์และการปฏิบัติตนอย่างปลอดภัย รวมถึงแจ้งช่องทางในการติดตามข่าวสารจากทางภาครัฐ และการแจ้งเหตุหรือขอรับความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำหรับการเยียวยาผู้ประสบภัย ให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และกรุงเทพมหานคร เร่งกำหนดมาตรการช่วยเหลือและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบโดยเร็ว

นายภาสกร กล่าวต่อว่า ขณะนี้สถานการณ์อยู่ในการควบคุมและเป็นขั้นตอนของการจัดการพื้นที่ และแนวโน้มของการเกิด After Shock ลดระดับลง คาดว่าภายใน 1 – 2 วันกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ จะพิจารณาลดระดับการจัดการสาธารณภัยลงเป็นระดับ 2 (สาธารณภัยขนาดกลาง) โดยจะโอนอำนาจการสั่งการให้เป็นอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครต่อไป และขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้จะคลี่คลายลงได้โดยเร็ว และทุกภาคส่วนจะเร่งเดินหน้าช่วยเหลือประชาชนเพื่อให้กลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image