คปภ. เร่งตั้งศูนย์ช่วยเหลือ-ย้ำพร้อมเยียวยาด้านประกันภัย เหตุแผ่นดินไหว

คปภ. เร่งตั้งศูนย์ช่วยเหลือ-ย้ำพร้อมเยียวยาด้านประกันภัย เหตุแผ่นดินไหว

เมื่อวันที่ 30 มีนาคม ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว กรุงเทพ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และสมาคมประกันวินาศภัยไทย แถลงข่าวมาตรการให้ความช่วยเหลือ และเยียวยาด้านประกันภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว

นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่เกิดเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ทาง คปภ. สมาคมประกันวินาศภัยไทย และสมาคมประกันชีวิตไทย ได้มีการติดต่อประสานงานอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2568 หน่วยงาน คปภ. และ 4 บริษัทประกันภัยชั้นนำ ได้แก่ บมจ.ทิพยประกันภัย บมจ.กรุงเทพประกันภัย บมจ.อินทรประกันภัย และและ บมจ.วิริยะประกันภัย ได้ลงพื้นที่ที่เกิดเหตุถล่ม ที่อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่

นายชูฉัตร กล่าวว่า ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประสานงานไปยังบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องด้านประกันภัยเข้าไปตรวจสอบพื้นที่อาคารที่เกิดเหตุให้กับบริษัทประกันภัย และขอความร่วมมือเพื่อจะขอทราบรายชื่อ ผู้สูญหายและข้อมูลบัตรประชาชน หรือข้อมูลที่สามารถยืนยันตัวตนได้ รวมถึงมีการตั้งศูนย์ช่วยเหลือด้านการประกันภัย และมีเจ้าหน้าที่ของ คปภ. ประจำอยู่ที่จุดเกิดเหตุ รวมถึงมีการตั้งศูนย์ช่วยเหลือเพิ่มที่สำนักงานใหญ่ คปภ. ที่รัชดา กรุงเทพฯ และ คปภ. เชื่อว่า จะมีสัญญาณที่ดีที่มีผู้รอดชีวิตขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงทางบริษัทประกันภัยพร้อมที่จะตรวจสอบรายชื่อ และกรมธรรม์ทุกอย่าง และพร้อมที่จะเยียวยาจ่ายเคลมให้ตามเงื่อนไขของกรมธรรม์

ADVERTISMENT

อย่างไรก็ตาม นายชูฉัตร ระบุว่า จากการประเมินความเสียหายของอาคาร สตง.แห่งใหม่ที่ถล่ม ยังไม่สามารถประเมินความเสียหายที่แท้จริงได้ แต่ยืนยันว่ากรณีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ต้องได้รับการชดเชยภายใน 15 วัน

นายชูฉัตร กล่าวว่า ถึงแม้ว่า การเกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกสำหรับในกรุงเทพมหานคร แต่ทาง คปภ. ก็มีการตื่นตัวและพร้อม ให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ขณะที่การเยียวยาและเคลมประกันสำหรับอาคารหรือที่อยู่อาศัยที่ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหว และมีการทำประกันอัคคีภัย รวมถึงประกันภัยอาคารชุด ได้ประสานไปยังนิติบุคคล เพื่อรวบรวมข้อมูลความเสียหายของผู้อยู่อาศัย พบว่ามีการทำประกันอัคคีภัยทั่วประเทศกว่า 5.4 ล้านฉบับ เฉพาะในกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีกว่า 2.2 ล้านฉบับ ซึ่งจะครอบคลุมทั้งกรณีไฟไหม้และแผ่นดินไหว ได้รับความคุ้มครอง 20,000 บาทต่อกรมธรรม์

ADVERTISMENT

ส่วนประชาชนที่ที่พักเสียหายและเสี่ยงเกิดอันตราย สามารถดำเนินการซ่อมแซมเพื่อความปลอดภัยได้ก่อน โดยไม่ต้องรอการประเมินจากประกัน แต่ต้องมีการบันทึกภาพความเสียหาย ไว้ประกอบการขอชดเชย

ด้าน นายสมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า กรณีได้รับบาดเจ็บ หรือมีบุคคลที่ทำประกัน เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ ทุกบริษัทที่เป็นสมาชิกสมาคมพร้อมจ่ายค่าสินไหมตามกรมธรรม์

นอกจากนี้ นายสมพร ยืนยันว่า บริษัท ประกันวินาศภัย ทุกแห่ง มีความพร้อมและความมั่นคงทางการเงิน ที่ จะจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์ทุกฉบับ โดยได้บริหารความเสี่ยงด้วยการทำประกันภัยต่อไว้ด้วย

นายสมพร กล่าวว่า สำหรับ กรณีตึก สตง. ที่พังถล่ม และได้ทำประกันไว้กับ 4 บริษัทดังกล่าว วงเงินคุ้มครอง 2.2 พันล้านบาท และมีการทำประกันต่อในต่างประเทศเพื่อบริหารความเสี่ยง ตามหลักการต้องพิจารณาว่า ก่อนจะถล่มนั้นมีความคืบหน้าในการก่อสร้างไปมากน้อยแค่ไหน เพื่อพิจารณามูลค่าของอาคารเฉพาะ ในส่วนที่สร้างเสร็จแล้ว นอกจากนี้ การทำประกันอัคคีภัยของที่อยู่อาศัยยังครอบคลุมถึงภัยแผ่นดินไหว หากผู้เอาประกันตกลงค่าสินไหมตามมาตรฐานที่บริษัทกำหนดได้จะต้องจ่ายภายใน 15 วัน

ทั้งนี้ นายสมพร กล่าวว่า ส่วนกรณีที่ตั้งคำถามเรื่อง หากมีการตรวจสอบพบว่า อาคารดังกล่าวมีการทุจริตไม่ตรงตามสเปกนั้น หากการก่อสร้างไม่ได้มาตรฐานก็ไม่คุ้มครองแน่นอน แต่ทั้งนี้จะต้องใช้การประเมินของสภาวิชาชีพที่เกี่ยวข้องเข้าทำการตรวจสอบ แล้วทางประกันภัยจะอ้างอิงข้อมูลดังกล่าวในการจ่ายเคลมประกัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image