ช่างเบิร์ดเข้าให้ข้อมูลรายชื่อคนรู้จักในบริษัทร่วมค้าซัพคอนแทครายใหญ่ ตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน กับพนักงานสอบสวนดีเสไอ
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 8 เมษายน ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ถนนแจ้งวัฒนะ นายฐิติพงษ์ โพธิพรหม หรือ ช่างเบิร์ด หัวหน้าวางระบบไฟฟ้าของตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนดีเอสไอ หลังจากที่ทางกองสอบสวนคดีพิเศษ ได้เชิญเข้ามาให้ปากคำ เรื่องถูกเบี้ยวเงินค่าจ้าง 3.7 ล้านบาท จากบริษัท 9 PK ซึ่งอาจเกี่ยวข้องในคดีนอมินีตามพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 ที่ทางดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ ในการตรวจสอบรายชื่อผู้ถือหุ้น บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 โดย เข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่นานกว่า 3 ชั่วโมง
ช่างเบิร์ด เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนดีเอสไอได้เชิญตนเข้ามาให้ปากคำ เพื่อสอบถามว่ารู้จักบุคคลใดบ้างของบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 และ บริษัท 9PK รวมไปถึงบุคคลอื่นๆที่ตนรู้จัก เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ซักถามไปเพื่อรวบรวมรายชื่อหานอมินีของบริษัทดังกล่าว เพราะทางดีเอสไอรับทำเป็นคดีพิเศษแล้ว ที่ผ่านมาบริษัทของตนได้รับการว่าจ้างจาก บริษัท 9PK ในช่วงต้นปี 2567 และได้เริ่มเข้าดูแลเรื่องไฟตั้งแต่ชั้นใต้ดินไปจนถึงชั้นที่ 30 ในการขอเบิกค่างวดแต่ละครั้งเพื่อนำมาซื้อวัสดุอุปกรณ์หรือค่าจ้าง บริษัท 9PK จะให้เงินไม่เต็มกับค่างวดที่ขอเบิกไป จะได้เพียง 40 ใน 100 เพียงเท่านั้น และติดค้างเงินตนเป็นเงินจำนวน 3.7 ล้านบาท ทำให้การเงินของตนติดขัดต้องหาเงินด้วยการเอาทนัพย์สินส่วนตัวไปจำนองเอามาสำรองจ่ายจนเป็นหนี้สิน
ช่างเบิร์ด เปิดเผยอีกว่า ส่วนการเบิกเงินค่างวด ครั้งที่ 22 ถึงแม้จะทวงเงินไปหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยได้รับเงินจากบริษัท 9PK เลย ตนจึงพาลูกน้องไม่รับทำ ในช่วงเดือนมกราคมเมื่อต้นปีที่ผ่านมา แต่หลังจากนั้น เมื่อทวงถามหาเงิน ไม่เคยได้รับเงินจากบริษัท 9PK เลย ตั้งแต่ขอ กลับถูกบริษัท 9PK ผลัดงวดและมีข้ออ้างทุกครั้ง จนตนรับไม่ได้และออกมาประท้วงเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จนมากลายเป็นประเด็นดังกล่าว
ช่างเบิร์ด เปิดเผยอีกว่า ช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้ (9 เม.ย. 68) ตนจะเดินทางไปยังสน.บางซื่อ เพื่อเข้าให้ปากคำในคดีที่ตนเบี้ยวเงินค่าจ้างตามที่กำหนด และในช่วงบ่าย บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 และ บริษัท 9PK ยังได้นัดตนไปเจรจาเรื่องเงินที่ติดค้างอยู่ประมาณ 3.7 ล้านบาทไม่รวมภาษี ที่ หน้าสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน จตุจักร โดยช่างเบิร์ดหวังว่า ตนจะได้รับเงินทั้งหมดมาเป็นเงินก้อน เพื่อไปปลดหนี้ที่ได้นำทรัพย์สมบัติไปจำนองไว้ โดยไม่หวังเงินค่าเสียหายเพิ่มเติม
พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค และในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า ตอนนี้ยังรับทำแค่คดีนอมินีเพียงคดีเดียวอยู่ ซึ่งหลังจากที่ทำการสืบสวนสอบสวนหากทราบว่า ตึกสตง.มีเค้าโครงว่าการแข่งขันราคาไม่เป็นธรรม ก็จะนำเข้าสู่เรื่องการฮั๊วประมูล รวมไปถึงวัสดุสิ่งก่อสร้างต่างๆว่าได้คุณภาพหรือไม่ เป็นเรื่องผลิตภัณฑ์มาตรฐานอุตสาหกรรม ทั้ง 2 เรื่องดังกล่าว ทางดีเอสไอมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายที่จะรับเป็นคดีพิเศษได้อยู่แล้ว แต่ทุกอย่างจะต้องเพียบพร้อมโดยเฉพาะข้อมูลหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับตึกสตง.