สสรท.ยื่นหนังสือถึงพิพัฒน์ จี้เร่งเลือกตั้งบอร์ดไตรภาคี-รับรองอนุสัญญา ILO

สสรท.ยื่นหนังสือถึงพิพัฒน์ จี้เร่งเลือกตั้งบอร์ดไตรภาคี-รับรองอนุสัญญา ILO

วันนี้ (28 พฤษภาคม 2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา นายสาวิทย์ แก้วหวาน
ประธานสมาพันธ์สมานฉันท์แรงงานไทย (สสรท.) และสมาชิกอีกจำนวน 20 คน เข้ายื่นหนังสือถึง นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เพื่อติดตามความคืบหน้าเรื่องการเลือกตั้งคณะกรรมการไตรภาคีสังกัดกระทรวงแรงงาน และเสนอข้อเรียกร้องต่างๆ ด้านแรงงาน โดยเปลี่ยนแปลงให้สอดคล้องกับสถานการณ์และความต้องการของผู้ใช้แรงงาน ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้มอบหมายให้ นายอารี ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายเกริกไกร นาสมยนต์ ที่ปรึกษากฎหมาย นายพงศ์เทพ เพชรโสม รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รับหนังสือดังกล่าว

นายสาวิทย์ เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์ด้านแรงงานในปัจจุบันอยู่ในภาวะความทุกข์ยากลำบากในการทำงานและการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน ด้วยปัญหานานัปการซึ่งยากจะแก้ไขให้สำเร็จโดยลำพังฝ่ายเดียวเฉพาะรัฐบาลคงไม่สามารถทำได้ ผู้ใช้แรงงานที่อยู่ในวัยทำงานในปัจจุบันมีสถิติสูงถึง 41 ล้านคน เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศและยังมีกำลังแรงงานข้ามชาติอีกกว่า 4 ล้านคน หากรัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาหรือทำให้คนส่วนใหญ่มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ก็เข้าใจได้ว่า รัฐบาลคงไม่สามารถแก้ปัญหาของประเทศได้

นายสาวิทย์ กล่าวว่า ดังนั้น การมีส่วนร่วม ในมิติต่าง ๆ ในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการจ้างงาน การทำงาน ของผู้ใช้แรงงานและองค์กรแรงงานจึงมีความจำเป็นยิ่งที่จำเป็นต้องทบทวน แก้ไข เปลี่ยนแปลงให้สอดคล้องกับสถานการณ์และความต้องการของผู้ใช้แรงงาน โดยมีข้อเสนอและเหตุผลต่อข้อเสนอ ดังนี้

1.เรื่องขอให้เร่งรัดการเลือกตั้งคณะกรรมการไตรภาคี คณะกรรมการค่าจ้าง คณะกรรมการ
สวัสดิการแรงงาน และคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ตามที่กระทรวงแรงงานได้ประกาศ เรื่อง การสมัครเข้ารับการเลือกตั้งและการแจ้งชื่อผู้ลงคะแนนเลือกตั้ง ผู้แทนฝ่ายนายจ้างและผู้แทนฝ่ายลูกจ้างในคณะกรรมการไตรภาคี ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ฉบับลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งการรับสมัครเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและการแจ้งชื่อผู้ลงคะแนนเลือกตั้ง ก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อยเช่นเดียวกัน แต่ปรากฏว่ามีบุคคลได้ไปร้องเรียนให้มีการตรวจสอบระเบียบการเลือกตั้งจนทำให้การเลือกตั้งไตรภาคีคณะดังกล่าวยังไม่เกิดขึ้น

ADVERTISMENT

“สสรท. จึงขอให้รัฐมนตรีเร่งรัดให้มีการเลือกตั้งโดยเร็วไม่ควรปล่อยให้บุคคลคนเดียวสร้างปัญหาทำให้การเลือกตั้งล่าช้าออกไป ขบวนการในการตรวจสอบการดำเนินงานขององค์กรหรือบุคคลที่มีสิทธิลงสมัครนั้น ทราบว่าทางกระทรวงแรงงานโดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานมีมาตรการในการตรวจสอบอยู่แล้ว ดังนั้น คนที่มีสิทธิ มีคุณสมบัติจึงเชื่อได้ว่ามีคุณสมบัติครบถ้วนจริง แม้หากผิดหลงก็สามารถใช้กระบวนการถอดถอนได้เฉกเช่นการเลือกตั้งในระดับประเทศ” นายสาวิทย์ กล่าว

2. ขอให้การเลือกตั้งคณะกรรมการไตรภาคีทุกคณะเป็นไปตามกฎเกณฑ์กติกา คือ การมี
ส่วนร่วมจากองค์กรของสหภาพแรงงานให้เหมือนกันทุกคณะ ซึ่งปัจจุบันจากการที่กระทรวงแรงงานได้มีการเปลี่ยนแปลงให้สหภาพแรงงานเข้ามามีส่วนร่วมในการส่งผู้แทนที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาเป็นกรรมการ จะเห็นการพัฒนาการของความเปลี่ยนแปลงและเกิดภาพลักษณ์ที่ดีของกระทรวงแรงงานในสายตาของผู้ใช้แรงงานและสายตาขององค์กรแรงงานระหว่างประเทศ แต่ยังมีบางคณะที่ยังคงใช้วิธีเลือกตั้งเฉพาะเพียงสภาแรงงานเพียงอย่างเดียว เช่น คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ (ครส.) ดังนั้น คณะไหนที่ยังไม่มีการกระจายอำนาจเปิดพื้นที่ให้องค์กรสหภาพแรงงานเข้ามาก็ขอให้ทบทวน เปลี่ยนแปลง แก้ไข ระเบียบ กฎเกณฑ์ กติกาให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

3. ขอให้ทบทวนเรื่องที่มาของคณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวะอนามัย และสภาพ
แวดล้อมในการทำงานในสถานประกอบการ ซึ่งจากเดิมที่กำหนดให้สถานประกอบการไหนที่มีสหภาพแรงงานให้สหภาพแรงงานแต่งตั้งกรรมการสหภาพที่มีความรู้ความสามารถมีคุณสมบัติเข้าเป็นคณะกรรมการความปลอดภัย แต่ภายหลังได้มีการเปลี่ยนแปลงให้มีการเลือกตั้งกรรมการความปลอดภัยจากลูกจ้างทั่วไป แม้สถานประกอบการนั้นจะมีสหภาพแรงงาน จากความเปลี่ยนแปลงนี้จะพบเห็นในเชิงประจักษ์และสถิติว่าสภาพการทำงานของคนงานเลวร้ายลง คนงานต้องเผชิญกับความเสี่ยงในการทำงานตลอดเวลา เพราะการเจรจา ทำความตกลง เรื่อง มาตรฐานความปลอดภัยเป็นเรื่องจำเป็นและบุคคลที่เป็นผู้แทนต้องมีศักยภาพ มีองค์กรสนับสนุน บางสถานประกอบการมีการส่งบุคคลที่มีผู้ประกอบการกำกับควบคุมได้ ทำให้สถานการณ์ความปลอดภัยในการทำงานไม่เกิดขึ้นจริง ทั้งอุบัติเหตุจากการทำงาน โรคที่เกี่ยวเนื่องจากการทำงาน ที่เพิ่มจำนวนและความรุนแรงมากขึ้น

4. ขอให้ทบทวนการส่งผู้แทนแรงงานไปร่วมประชุมใหญ่ประจำปีขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ซึ่งมีการประชุมทุกปีในเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมาจะมีบุคคลเดิมที่อ้างเป็นตัวแทนแรงงานไทยไปเป็นผู้แทน (Delegate) ซึ่งโดยกติกาที่กำหนดมานั้น บอกว่าบุคคลที่จะเป็นผู้แทนนั้นจะต้องมีสมาชิก
ในสังกัดที่มีจำนวนมากที่สุด แต่ในปัจจุบันสถานะของสมาชิกแต่ละองค์กรนั้นได้เปลี่ยนแปลงไปมาก การกำหนดเงื่อนไขแบบก่อนเก่า อาจไม่สะท้อนความเป็นตัวแทนที่แท้จริง อีกประการหนึ่งบุคคลที่อ้างเป็นผู้แทนแรงงานไทยนั้นกลับไม่ได้นำปัญหาและผลกระทบที่เกิดขึ้นไปสะท้อนในเวทีระหว่างประเทศ ซึ่งปัญหาที่ขบวนการแรงงานเรียกร้องก็ยังคงดำรงอยู่นานาประเทศไม่ได้รับรู้รับทราบปัญหาที่แท้จริงในประเทศไทย

“ในสายตาระหว่างประเทศ อาจมองได้ว่าตัวแทนลูกจ้างที่ไปขึ้นเวทีสะท้อนปัญหานั้นเป็นบุคคลที่รัฐบาลสนับสนุน ไม่ได้เป็นอิสระตามหลักการสากล จึงขอให้มีการทบทวนตรวจสอบจำนวนสมาชิกแต่ละองค์กรว่ามีเท่าใดและกำหนดคุณสมบัติผู้แทนแรงงานไทยที่จะไปร่วมการประชุมใหญ่ที่ได้รับการยอมรับจากผู้ใช้แรงงานอย่างแท้จริง โดยไม่มีข้อจำกัดว่าจะจดทะเบียนหรือไม่” นายสาวิทย์ กล่าว

5. ขอให้เร่งรัดกระบวนการขั้นตอนกรอบเวลาในการรับรองอนุสัญญาหลักขององค์การ
แรงงานระหว่างประเทศ คือ อนุสัญญา ฉบับที่ 87, 98, 155, 183, 189 และ 190 รวมถึงข้อแนะฉบับต่าง ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและสิทธิของผู้ใช้แรงงานให้สอดรับกับกติกาสากล เพื่อความเจริญเติบโต ก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ ทั้งการค้า การลงทุน เหตุเพราะเงื่อนไขทางการค้าการลงทุนในระดับสากลมีการกำหนดหลักเกณฑ์ของคู่ค้าว่าจะต้องมีการจ้างงานที่รองรับหลักการงานที่มีคุณค่า (Decent Work) ซึ่งหากรัฐบาลเพิกเฉยต่อความสัมพันธ์ สิทธิทางการค้า คู่ค้าระหว่างประเทศ ที่จะนำมาซึ่งความถดถอยทางเศรษฐกิจของประเทศ ยิ่งการแข่งขันทางการค้าที่รุนแรงเข้มข้นในเวลานี้ ที่อาจเป็นไปได้ว่าประเทศไทยจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ไม่ได้รับความสนใจจากนานาชาติ ยิ่งประเทศไทยจะเร่งทำข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) กับกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป การเข้าเป็นสมาชิกขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) และการเข้าเป็นสมาชิกกับกลุ่มประเทศ BRICS ก็ต้องยิ่งเร่งสร้างมาตรฐาน เรื่อง สิทธิ และการคุ้มครองทางสังคมให้แก่คนทำงาน ประเทศไทยจึงไม่ควรทิ้งโอกาสนี้ไป การชะลอเวลาโดยอ้างว่าให้มีความพร้อมแต่ไม่มีกรอบระยะเวลาหรือการอ้าง เรื่อง การแก้กฎหมายก่อนรับรองคงไม่ใช่เหตุผลอีกต่อไป เพราะอ้างอย่างนี้มาเกือบ 100 ปีแล้ว

6. ขอให้รัฐบาลสนับสนุน ร่าง พ.ร.บ.ประกันสังคมฉบับบูรณาการของขบวนการแรงงาน
พ.ศ. …. ซึ่งเป็นฉบับที่ผู้ใช้แรงงานเข้าชื่อ 14,624 รายชื่อ ได้เสนอต่อรัฐสภาเมื่อปี 2554 แต่ถูกปัดตกโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จากพรรคร่วมรัฐบาลในเวลานั้น ร่างฉบับดังกล่าวที่ถูกยกร่างขึ้นมาภายใต้การมีส่วนร่วมของผู้ใช้แรงงาน นักวิชากร นักกฎหมาย มีสาระสำคัญที่จะทำลายปัญหาอุปสรรคที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และทราบว่าปัจจุบันจะมีการแก้ไขพ.ร.บ.ประกันสังคมที่เสนอโดยรัฐบาล (กระทรวงแรงงาน) พรรคร่วมรัฐบาล และพรรคฝ่ายค้าน ดังนั้น เพื่อให้การแก้ไขเป็นไปตามเจตนารมณ์ความต้องการของผู้ใช้แรงงานผู้ประกันตน จึงขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานสนับสนุน ร่าง พ.ร.บ.ประกันสังคมฉบับบูรณาการของขบวนการแรงงานด้วย

“สสรท.และองค์กรสมาชิกหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ข้อเสนอทุกข้อจะได้รับการสนับสนุนและตอบรับดำเนินการให้เป็นรูปธรรมต่อไป” นายสาวิทย์ กล่าว