เมื่อวันที่ 7 เมษายน นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะผู้รับผิดชอบกรณีวินัยของข้าราชการ กล่าวถึงกรณีความคืบหน้าปัญหารพ.สตึก จ.บุรีรัมย์ และรพ.ชัยภูมิ จ.ชัยภูมิ กล่าวถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบกรณีดังกล่าวว่า ในส่วนของรพ.สตึก ที่มีการรายงานในการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(บอร์ดสปสช.)เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2560 ว่ามีการเสนอโครงการแต่ไม่มีการดำเนินการจริง ซึ่งเรื่องนี้ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ได้มีการตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อน และมีการแจ้งความไปตั้งแต่สมัยปี 2557 เนื่องจากพบว่า พยาบาลปลอมลายเซ็นต์ จากนั้นทางจังหวัดตั้งกรรมการสืบข้อเท็จจริงตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2558 และสตง.ก็ลงไปตรวจสอบและเจอเรื่องนี้ แต่จะมีประเด็นอื่นๆ หรือผู้เกี่ยวข้องอื่นๆหรือไม่ ขณะนี้ต้องรอการสืบสวนข้อเท็จจริง คาดว่าเมษายนนี้น่าจะทราบ
นพ.สมศักดิ์ กล่าวต่อว่า รพ.ชัยภูมิ เป็นกรณีที่เกิดขึ้นในปีงบประมาณ 2557-2558 ซึ่งพบว่ามีปัญหาห้องเก็บเอกสาร เพราะก่อสร้างอาคารหลังใหม่ และห้องเก็บเอกสารนั้นๆ ได้เก็บเอกสารหลายส่วนไว้ด้วยกัน ซึ่งปรากฎว่ากลุ่มงานประกันของรพ. บอกว่ามีปลวกกินเอกสาร จึงขอนำไปทิ้ง แต่เมื่อกลุ่มการเงินมาตรวจสอบกลับพบว่ามีเอกสารของฝ่ายตนหาย ซึ่งเอกสารการเงินตามกฎหมายต้องเก็บไว้เป็น 10 ปี แต่เข้าใจว่าอาจกองใกล้กันหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ทางการเงินได้รายงานไปยังผอ.รพ. และได้แจ้งความบันทึกประจำวันตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม 2558 โดยรพ.ชัยภูมิก็ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงทันที และตรวจสอบเกือบ 1 เดือน จึงแจ้งผอ.ให้เห็นควรสอบวินัย 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายที่ทำหาย และฝ่ายเอาออกไปทิ้ง ซึ่งรพ.ก็รายงานผลไปที่สสจ. และมีการตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงอีกครั้งด้วย
“สำหรับเอกสารต้นขั้วการเงินที่โรงพยาบาลมีการตรวจสอบนั้นเป็นเงินจำนวน 312 ล้านบาท โดยติดตามต้นขั้วจากใบเสร็จเงินได้แล้วประมาณ 80-90 % และน่าจะเหลืออีกประมาณ 10% หรือคิดเป็นวงเงินประมาณ 29 ล้านบาทที่ยังหาต้นขั้วเอกสารไม่ได้ แต่ขณะนี้ก็กำลังทวนกลับไปยังบริษัทต่างๆอยู่ และกรณีนี้เงินไม่ได้หาย แต่ที่หายคือเอกสาร อย่างไรก็ตาม สตง.ก็ได้มาตรวจสอบพบว่า การจัดเก็บเอกสารไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย และไม่พบประเด็นทุจริตแต่อย่างใด โดยน่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือนเม.ย.นี้” รองปลัดสธ.กล่าว
