เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ รศ.ดร. เสรี ศุภราทิตย์ คณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิศาสตร์และภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า สิ่งที่น่ากังวลของหน้าแล้งปีนี้คือฝนปีนี้จะมาล่าช้ากว่าปกติส่งผลกระทบต่อการปลูกข้าวนาปีของเกษตรกร โดยข้อมูลจากแบบจำลองภูมิอากาศคาดการณ์ฝนในปีนี้ชี้ว่า ฝนจะมาจริงๆ ในช่วงเดือนสิงหาคม ขณะที่ต้นฤดูฝนในเดือนพฤษภาคม 2559 ฝนจะมาล่าช้าและมีตกบ้างเล็กน้อย ดังนั้นเกษตรกรที่ปลูกข้าวนาปีในช่วงเดือนพฤษภาคมจนถึงกรกฎาคมนี้มีความเสี่ยงสูงที่จะขาดแคลนน้ำในการเพาะปลูกจนทำให้ข้าวเสียหาย คาดว่าช่วงแล้งดังกล่าวจะมีการปลูกข้าวนาปีกว่า 4 ล้านไร่
เมื่อประเมินขั้นเลวร้ายสุดไว้ หากไม่มีน้ำใช้พอทำการเกษตรหน้าแล้งจะทำให้ข้าวที่ปลูกตายทั้ง 4 ล้านไร่ คาดว่ามีมูลค่าความเสียหาย 12,000 ล้านบาท อีกทั้งน้ำอุปโภคบริโภคอาจจะต้องเปิด-ปิดเป็นเวลา หากปัจจุบันและต่อไปทุกภาคส่วนยังไม่ประหยัดการใช้น้ำคาดว่าจะเริ่มเห็นผลกระทบชัดเจนของภัยแล้งในเดือนมิถุนายนนี้
“หน่วยงานภาครัฐควรจะทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรม เกษตร ประชาชนผู้ใช้น้ำ ให้ตระหนักถึงสิ่งที่ต้องเผชิญนี้ อาทิ ผู้บริโภคควรลดการใช้น้ำ อย่างเวลา แปรงฟัน ไม่ควรเปิดน้ำทิ้งไว้ ล้างรถ จากเดิมสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ให้เหลือ 1 ครั้ง” นายเสรีกล่าว
