เมื่อวันที่ 12 เมษายน นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า วันที่ 13 เมษายนของทุกปี เป็นวันผู้สูงอายุแห่งชาติ ทั้งนี้ ในแต่ละปีมีผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัญหาสำคัญที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ คือ การบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการพลัดตก หกล้มและมีแน้มโน้มเพิ่มขึ้นเช่นกัน จากข้อมูล สธ. พบว่าในช่วง 5 ปี (ปี 2554–2558) การเสียชีวิตจากการพลัดตก หกล้มในผู้สูงอายุมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยมากกว่า 800 คนต่อปี หรือประมาณ 3 คนต่อวัน เฉพาะในปี 2558 มีผู้สูงอายุเสียชีวิตจากการพลัดตก หกล้มสูงถึง 1,049 คน
“นอกจากนี้ รายงานการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครั้งที่ 5 พ.ศ.2557 พบว่า ผู้สูงอายุ 1 ใน 3 หรือมากกว่า 3 ล้านคน พลัดตก หกล้มทุกปี ซึ่งมีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 6 แสนคน โดยได้รับบาดเจ็บรุนแรงมากที่สุดคือ กระดูกข้อมือหัก สะโพกหัก และซี่โครงหัก สถานที่เกิดเหตุส่วนใหญ่หกล้มนอกบริเวณบ้านมากถึงร้อยละ 65 และหกล้มในบ้านร้อยละ 31 ที่สำคัญพบว่า สาเหตุเกิดจากลื่น สะดุด หรือก้าวพลาด บนพื้นระดับเดียวกันร้อยละ 60 และมีเพียงร้อยละ 5.80 เกิดจากการตกหรือล้มจากบันไดและขั้นบันได” นพ.เจษฎา กล่าว
สำหรับการป้องกันพลัดตก หกล้มในผู้สูงอายุนั้น นพ.เจษฎา กล่าวว่า 1.ประเมินความเสี่ยงต่อการพลัดตก หกล้ม โดยเฉพาะผู้ที่เคยมีประวัติหกล้มมาก่อน และควรให้ฝึกการทรงตัวและการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ 2.กรณีที่ผู้สูงอายุมีโรคประจำตัวและกินยาหลายชนิด ควรจะรู้ผลข้างเคียงของยาที่ใช้ 3.ปรับสิ่งแวดล้อมในบ้านให้ปลอดภัยต่อการดำเนินชีวิตของผู้สูงอายุ เช่น ควรอยู่บ้านชั้นเดียว กรณีบ้าน 2 ชั้น ควรจัดให้อยู่ชั้นล่าง เก็บบ้านให้เป็นระเบียบ พื้นไม่ลื่น มีราวจับภายในบ้านและห้องน้ำ เป็นต้น และ 4.ผู้นำชุมชนและคนในชุมชนควรมีส่วนร่วมในการสำรวจสิ่งแวดล้อมเสี่ยงและปรับปรุงแก้ไขให้ปลอดภัย เช่น พื้นทางเดิน ถนน และสถานที่สาธารณะ เป็นต้น และสนับสนุนกิจกรรมเพื่อป้องกันการพลัดตกหกล้ม เช่น การออกกำลังกายแบบไทเก็ก โยคะ รำมวยจีน เป็นต้น ที่สำคัญบุตรหลานควรดูแลผู้สูงอายุอย่างใกล้ชิด และมีกิจกรรมร่วมกันภายในบ้านอย่างสม่ำเสมอ กรณีที่พบเห็นผู้สูงอายุพลัดตก หกล้ม หรือผู้สูงอายุพลัดตก หกล้มเอง ควรตั้งสติและประเมินการบาดเจ็บ หากไม่สามารถขยับและลุกเองได้ หรือเมื่อขยับแล้วรู้สึกปวดสะโพกหรือโคนขา ไม่ควรเคลื่อนไหว เพื่อป้องกันกระดูกที่หักไปทำลายเนื้อเยื่อ หลอดเลือด และเส้นประสาทข้างเคียง ต้องเข้าเฝือกชั่วคราว จากนั้นนำส่งสถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน หรือขอความช่วยเหลือจากทีมแพทย์ฉุกเฉิน โทร.1669