พสกนิกรใช้วันหยุดวันสุดท้ายกราบพระพรมศพ รวมใจเล่าพระมหากรุณาธิคุณ คำสอน ‘ในหลวงร.9’ ที่นำมาปฏิบัติใช้

แฟ้มภาพ

เมื่อวันที่ 17 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 165 ประชาชนที่มีความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทั้งในกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด ซึ่งยังหยุดในช่วงสงกรานต์ รวมทั้งนักเรียน นักศึกษาที่อยู่ในช่วงปิดเทอม ต่างแต่ตัวชุดดำเรียบร้อย เดินทางมาต่อแถวเพื่อเข้ากราบสักการะอย่างเป็นระเบียบตลอดทั้งวัน

นางพวงบุพผา บุญวงศ์ อายุ 63 ปี ชาว จ.เพชรบูรณ์ เดินทางพร้อมลูกสาว นางสาวบุญญาภา บุญวงศ์ อายุ 41 ปี และหลายชาย ด.ช. จิติพัฒน์ อิ่นคำตา อายุ 11 ขวบ เพื่อมากราบพระบรมศพ บนที่พระที่ดุสิตมหาปราสาทเป็นครั้งแรก โดยนางพวงบุพผา เปิดเผยด้วยความปลาบปลื้มใจว่า ตนตั้งใจที่อยากจะมากราบสักการะพระบรมศพ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้เดินทางจากเพชรบูรณ์มาพักอาศัยอยู่กับลูกสาวที่สมุทรปราการ และเดินทางมายังพระบรมมหาราชวังพร้อมกัน ระหว่างที่นั่งในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท อยู่เบื้องหน้าพระบรมโกศก็น้ำตาไหล แต่รู้สึกปลื้มปิติเป็นอย่างยิ่งที่ในที่สุดก็ได้มากราบพระองค์ท่านและอธิษฐานให้พระองค์ท่านเสด็จสู่สวรรคาลัย

“ดิฉันเคยเห็นในหลวงรัชกาลที่ 9 เติบโตมาพร้อมๆ กับพระองค์ท่าน ในฐานะประชาชนคนหนึ่งรักและรู้สึกผูกพันธ์กับพระองค์ท่านมาก ยังคิดถึงพระองค์ท่านอยู่ตลอดเวลา ดิฉันเคยมีโอกาสรับเสด็จพระองค์ครั้งที่เสด็จฯ เยี่ยมเยียนประชาชนในพื้นที่เพชรบูรณ์ ตอนนั้นการเดินทางยังยากลำบาก แต่ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการเดินทางของพระองค์เลย ขณะนั้นดิฉันอายุประมาณ 15 ปี แม้จะผ่านมานานมากแล้วแต่ก็ยังจำความรู้สึกตอนนั้นได้ไม่ลืม” นางสาวพวงบุพผากล่าว

ด้านนางสาวบุญญาภา กล่าวด้วยน้ำตาว่า ตนประทับใจทุกสิ่งทุกอย่างที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงทำเพื่อประชาชนคนไทย พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์องค์เดียวในโลกที่ไม่มีใครมาเปรียบเทียบได้ ปัจจุบันตนประกอบอาชีพค้าขาย ได้นำหลักปรัชญาด้านความพอเพียงของพระองค์มาใช้ในชีวิตประจำวัน พร้อมดำเนินรอยตามเบื้องพระยุคคลบาท และถ่ายทอดความรู้ให้ลูกและให้เขาได้มีโอกาสศึกษาเรื่องราวของในหลวงรัชกาลที่ 9 และยึดถือพระองค์เป็นแบบอย่าง

Advertisement

พันจ่าอากาศเอก ประสพ แจ้งคต เจ้าหน้าที่ตรวจเครื่องบิน สังกัดกองบิน 6 ฐานทัพอากาศดอนเมือง ที่มาปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับกองทัพอากาศเพื่อนำอาการและน้ำดื่มมาแจกจ่ายให้ประชาชน บริเวณท้องสนามหลวง ได้ใช้หลังจากปฏิบัติภารกิจมากราบสักการะพระบรมศพ ในหลวงรัชกาลที่ 9 พร้อมเปิดเผยว่า วันนี้ได้มาปฏิบัติและได้มากราบสักการะพระบรมศพเป็นครั้งแรก รู้สึกปลาบปลื้มเป็นอย่างมาก โดยตลอดการทำงานกว่า 30 ปีได้มีโอกาสได้รับเสด็จและรับใช้เบื้องพระยุคลบาทหลายครั้งที่พระองค์ท่านเสด็จฯ ยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ โดยใช้ฐานทัพอากาศดอนเมือง ถือเป็นบุญอย่างมาก ซึ่งตนตั้งใจที่จะทำหน้าที่รับใช้ประเทศชาติอย่างเต็มที่สุดความสามารถ พร้อมน้อมนำแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงมาปฏิบัติ

ด้าน อนุสรณ์ ศรีอุบล เจ้าหน้าที่ช่างเครื่องวัดไฟฟ้า สังกัดกองบิน 6 ฐานทัพอากาศดอนเมือง กล่าวว่า ได้น้อมนำปรัชญาความพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ด้วยการอยู่อย่างพอเพียงไม่ฟุ่มเฟื่อยและมีการบริหารเงินเดือนทั้งรายจ่ายและเงินออม ทั้งนี้ ได้รับใช้เบื้องพระยุคคลบาทในหลวง รัชกาลที่ 10 เมื่อพระองค์มาฝึกซ้อมการบิน ซึ่งพระองค์ทรงมีระเบียบวินัยในการฝึกซ้อมเป็นอย่างมาก และยังให้ความเป็นกันเองกับผู้ปฏิบัติงาน

นางอรดา เชียงชัย อายุ 63 ปี ชาวจ.นครปฐม อาชีพแม่บ้าน ได้เดินทางโดยรถประจำทางจากบ้านตั้งแต่เช้า และได้ขึ้นกราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทราว 11.00 น. โดยนางอรดา กล่าวภายหลังเข้ากราบสักการะพระบรมศพว่า ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 89 แล้วที่ได้มากกราบสักการะพระบรมศพ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งตั้งใจจะมาอีกเกือบทุกวันจนจะถึงพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ สาเหตุที่ทำให้ตนต้องมาแทบทุกวันนั้น เพราะพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงทำเพื่อคนไทยทุกคน ที่ผ่านมาพระองค์ทรงเหน็ดเหนื่อยเพื่อปวงชนชาวไทยมามาก การยืนคอยระหว่างที่จะได้ขึ้นไปกราบพระบรมศพบางครั้ง เคยใช้เวลายาวนานถึง 1 วันเต็มมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ทำให้ย่อท้อเลยแม้แต่น้อย ถ้าเทียบกับสิ่งที่ในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงทำเพื่อคนไทยทั้งประเทศให้อยู่ดีกินดี

Advertisement

“ประทับใจในทุกพระราชกรณียกิจ ของพระองค์ โดยเฉพาะภาพที่พระองค์ทรงงานแล้วพระเสโทไหล ดูภาพนี้ทีไรก็ร้องไห้ทุกที ท่านเป็นถึงพระราชา แทนที่จะใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย หากแต่พระองค์กลับทรงเหน็ดเหนื่อยและทรงงานหนักกว่าพระราชาประเทศอื่นหลายร้อยเท่า จากนี้ไปถึงแม้ว่าพระองค์จะไม่ได้อยู่กับพวกเราอีกต่อไปแล้ว หากแต่พระองค์จะสถิตอยู่ในหัวใจของชาวไทยทุกคนตลอดไป และเราก็จะสานต่อเรื่องความพอเพียง ที่พระองค์ทรงวางแนวทางไว้ให้ นอกจากเราจะใช้ชีวิตอย่างพอเพียงแล้ว ทุกวันนี้ก็ยังสอนให้ลูกหลานทุกคนใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ใช้จ่ายเท่าที่มี ไม่อยากได้ของที่เกินตัว อันจะก่อให้เกิดหนี้สิน ให้ดูในหลวง รัชกาลที่ 9 เป็นแบบอย่าง พระองค์เป็นถึงพระราชา แต่กลับทรงใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย และสมถะ “นางอรดากล่าวทั้งน้ำตา

ทั้งนี้ สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 16 เมษายน หลังสำนักพระราชวัง ปิดไม่ให้ประชาชนเข้าพระบรมมหาราชวัง เพื่อขึ้นกราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในเวลา 21.11 น.ว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 34,099 คน รวม 165 วัน มี 6,215,132 คน และรวม 165 วัน มีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงินทั้งสิ้น 502,668,371.26 บาท

 

พันจ่าอากาศเอก ประสพ แจ้งคต เจ้าหน้าที่ตรวจเครื่องบิน สังกัดกองบิน 6 ฐานทัพอากาศดอนเมือง-อนุสรณ์ ศรีอุบล เจ้าหน้าที่ช่างเครื่องวัดไฟฟ้า สังกัดกองบิน 6 ฐานทัพอากาศดอนเมือง
ด.ช. จิติพัฒน์ อิ่นคำตา-พวงบุพผา บุญวงศ์-บุญญาภา บุญวงศ์
อรดา เชียงชัย

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image