นายสมชาย เจริญอำนวยสุข อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่า ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีนโยบายดูแลคุณภาพชีวิตคนพิการ โดยเฉพาะเรื่องการจ้างงานคนพิการให้มีโอกาสประกอบอาชีพสร้างรายได้เสมอภาคเท่าเทียมกับคนอื่น โดยกำหนดให้ปี 2561 ทั้งรัฐและเอกชนต้องจ้างงานตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.2550 ที่กำหนดจ้างงานคนทั่วไปกับคนพิการ 100 ต่อ 1 ให้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์นั้น ปรากฏว่าในส่วนการจ้างงานคนพิการของภาครัฐ แม้ที่ผ่านมาสำนักงานกพ.จะปลดล็อคให้คนพิการมาสอบหรือไม่ก็ได้เพื่อเป็นข้าราชการ แต่เอาเข้าจริงหากตำแหน่งไม่ว่างก็ไม่สามารถเปิดรับได้ ขณะที่สำนักงานกพ.ก็ไม่เปิดอัตราเพิ่มให้เฉพาะ ทำให้อัตราการจ้างงานในส่วนนี้ยังไม่เป็นไปตามเป้า แต่ก็มีความคืบหน้าจากร้อยละ 14 ในปี 2558 เพิ่มเป็นร้อยละ 32 ในปี 2559 ขณะที่ปีนี้ตั้งเป้าทำให้ได้ร้อยละ 60 และปี 2561 ต้องทำให้ได้ทั้งหมด เบื้องต้นกำลังคิดหามาตรการที่จะจูงใจหรือบังคับหน่วยงานรัฐให้ร่วมทำตามเป้าหมาย
อธิบดีพก.กล่าวอีกว่า ส่วนภาคเอกชนมีการจ้างงานคนพิการค่อนข้างดี เพราะมีมาตรา 35 ที่ระบุให้สามารถจัดบริการหรือจัดสถานที่ให้คนพิการแทนการจ้างงานได้ แต่ก็พบปัญหาว่ามีภาคเอกชนบางแห่งไม่จ้างคนพิการทำงานจริงๆ อาทิ เอาชื่อมาทำงาน แต่ตัวอยู่บ้านแล้วจ่ายเงินให้ 2-3 พันต่อเดือน แทนที่จะจ่ายตามค่าตอบแทนขั้นต่ำ 9 พันบาท ซึ่งพล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้พก.ไปตรวจสอบและเอาผิดตามกฎหมาย ซึ่งจากที่ตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่พบกรณีดังกล่าว พบเพียงที่เข้าใจผิดที่ให้ทำงาน แต่ไม่จ่ายค่าจ้างตามค่าตอบแทนขั้นต่ำ ซึ่งพอเราไปดำเนินการเขาก็จ่ายค่าตอบแทนส่วนที่ขาดย้อนหลังให้ ไม่มีปัญหาอะไร
