พสกนิกรเผยเคยเป็นคนอารมณ์ร้อน แต่พอปฏิบัติตามคำสอน ‘ในหลวงร.9’ ชีวิตก็เปลี่ยนไป

เมื่อวันที่ 19 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเข้าสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เป็นวันที่ 168 ประชาชนจากทั่วทั้งประเทศยังคงเดินทางมาสักการะพระบรมศพ เดินทางมาเป็นคณะ โดยเฉพาะผู้สูงอายุและนักเรียนที่กำลังปิดเทอมจากจังหวัดต่างๆ มาเข้าคิวท่ามกลางอากาศที่ร้อนจัด

นางศิวาพร สุวรรณบัณฑิตย์ อายุ 49 ปี ชาวอ.สิงหนคร จ.สงขลา ซึ่งเดินทางมาสักการะพระบรมศพพร้อมเพื่อนครูจากโรงเรียนจุลสมัย จ.สงขลา ตั้งแต่เย็นวานนี้ กล่าวว่า มาสักการะพระบรมศพเป็นครั้งแรก ด้วยเป็นช่วงเวลาปิดเทอมจึงมีโอกาสพอดี หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยจองตั๋วรถไฟมากันแล้วแต่น้ำท่วม ทำให้ไม่สามารถมาได้ เมื่อได้กราบแล้วก็รู้สึกตื้นตันใจอย่างมาก ดั่งที่เรารักพระองค์เหมือนพ่อ ดีใจที่ได้มีโอกาสทำตามความตั้งใจครั้งหนึ่งในชีวิต ที่ผ่านมาได้ยึดเอาคำสอนของในหลวง ร.9 ดำรงชีวิตมาตลอด โดยเฉพาะการปลูกผักทานเอง อดออม ใช้เงินอย่างประหยัด รวมถึงรักชาติและทำนุบำรุงศาสนาตลอดมา ด้วยความเป็นครูจึงมีโอกาส นำเอาโครงการพระราชดำริต่างๆ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ไปสอนให้กับเหล่าเด็กนักเรียน ได้ลงมือปฏิบัติจริง ทั้งปลูกผัก พาไปตลาดรู้จักซื้อขาย ต่อรอง ที่สงขลาเองที่เห็นบ้านของนักเรียนก็มีการปลูกผักกัน แม้พื้นที่น้อยก็ยังปลูกในขวดเล็กๆ รวมถึงพานักเรียนไปเข้าค่ายปฏิบัติธรรมให้มีความคิดผูกพันกับศาสนาต่างๆ เป็นสิ่งที่เราตั้งปณิธานจะสานต่อสิ่งนี้เพื่อพระองค์

นางประไพ ชูชัยมังคลา อายุ 66 ปี ที่เดินทางจากบ้านย่านลาดพร้าว มาสักการะพระบรมศพทุกๆ วัน หลังจากพระราชพิธีครบ 100 วันมาแล้ว เผยว่า ตั้งแต่ในหลวง ร.9 เสด็จสวรรคตครบ 100 วัน ก็พยายามมาให้ได้ทุกวันตั้งแต่จันทร์ถึงศุกร์ จะหยุดเสาร์อาทิตย์เพราะคิดว่าคนเยอะ อยากให้โอกาสคนอื่นบ้าง หรืออย่างเทศกาลสงกรานต์ก็ให้โอกาสผู้อื่นได้มาบ้าง ไม่กินที่คนอื่น เพราะเราอยู่ใกล้แค่นี้ หากวันไหนไม่ได้มาจะรู้สึกจิตใจไม่ดี จากวันนี้คงมีเวลาอีกไม่มากที่จะได้มาส่งเสด็จฯ เป็นครั้งสุดท้าย วันถวายพระเพลิงอาจจะเข้าไม่ถึงเช่นทุกคนแล้ว ตอนนี้มีโอกาสก็มาดีกว่าจะได้ไม่รู้สึกเสียใจ

“ขึ้นไปกราบแต่ละวัน ความรู้สึกไม่เหมือนกัน บางครั้งก็ยังมีน้ำตา บางครั้งก็รู้สึกว่าพระองค์ทรงเหนื่อยมามากแล้ว ได้พักแล้ว หลังกราบพระบรมศพแล้วก็มักเดินไปชมนิทรรศการเย็นศิระ เพราะพระบริบาล ก็ยังร้องไห้ทุกวัน บางครั้งคิดว่าเห็นพระบรมฉายาลักษณ์นี้แล้วจะต้องร้องไห้ ก็เปลี่ยนไปดูสิ่งอื่น แต่ก็ยังมีน้ำตาอยู่ดี นอกจากมากราบแล้ว ชีวิตประจำวันก็ยังยึดเอาคำว่าพอเพียงมาใช้ทุกวัน ปลูกผักไว้กิน ประหยัด ตามคำสอนของพระองค์” นางประไพกล่าว

Advertisement

นางสุดใจ ตามบุญ อายุ 66 ปี แม่ค้าขายโจ๊ก ชาว อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี เดินทางมาพร้อมลูกสาว น.ส.อรนุช ตามบุญ ตั้งแต่เวลา 05.00 น. กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่ได้มีโอกาสมากราบพระบรมศพ ทั้งๆ ที่อยากมาตั้งแต่ทราบข่าวเดือนตุลาคมปีที่แล้ว แต่อยากให้ประชาชนต่างจังหวัดที่อยู่ไกลได้มากราบก่อน เราเองอยู่ใกล้มาเมื่อไหร่ก็ได้ ประกอบกับอยู่ในช่วงปิดร้านสงกรานต์ ซึ่งก่อนหน้านี้ทุกคืนจะกราบพระบรมฉายาลักษณ์และนึกถึงพระองค์เสมอ ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อประชาชนชาวไทย เมื่อก่อนเราเพียงรู้ว่าพระองค์ทรงทำอะไรมากมาย แต่เมื่อเราสูญเสียพระองค์ไปแล้วยิ่งทำให้รู้มากกว่าเดิม เราเองก็นึกไม่ถึงว่าพระองค์ทรงทำเพื่อคนไทยมากขนาดนี้ ทรงติดดิน ไม่ถือพระองค์ ลงพื้นที่ในถิ่นทุรกันดาร เนื้อตัวเปื้อนดินโคลน ทั้งนี้ก็เพื่อประชาชนของพระองค์

“ขณะที่ขึ้นกราบพระบรมศพ รู้สึกขนลุกจนบอกไม่ถูก ตื้นตันใจที่เราเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา แต่ได้ใกล้ชิดพระองค์มากขนาดนี้ ทุกวันนี้ได้ยึดพระองค์เป็นแบบอย่าง ทั้งเรื่องการใช้ชีวิตจากเมื่อก่อนเป็นคนอารมณ์ร้อน แต่พระองค์เคยรับสั่งว่าคนเรามีความแตกต่างกัน เราจึงค่อยๆ ระงับอารมณ์ ปล่อยวางได้มากขึ้น และไม่ถือโกรธ พร้อมได้สอนต่อลูกหลานทั้งเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง พออยู่พอใช้ ทำงานอย่างซื่อสัตย์ ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด และตั้งมั่นเป็นคนดี ทำประโยชน์เพื่อสังคม” นางสุดใจกล่าว

ทั้งนี้ สำนักพระราชวังสรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 18 เมษายน หลังสำนักพระราชวัง ปิดเวลา 21.08 น.ว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 17,470 คน รวม 167 วัน มี 6,257,040 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 1,643,537.25 บาท รวม 167 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 508,958,769.76 บาท

Advertisement

 

ประไพ ชูชัยมังคลา
ศิวาพร สุวรรณบัณฑิตย์ (ขวา)
สุดใจ ตามบุญ (ซ้าย)

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image