พยัคฆ์ไพรรุกจับรีสอร์ตเขาค้อรุกป่าสงวน พบพิรุธนายทุนจัดฉากให้นอมินีรับแทน สาวโยงกลุ่มฮุบที่ขายเกือบพันไร่

วันที่ 20 เมษายน 2560 ความคืบหน้าหลังจากชุดพยัคฆ์ไพรกรมป่าไม้ร่วมกับ ศปป. 4 กอ.รมน.และคณะเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน เปิดปฏิบัติการตรวจยึด 7 รีสอร์ตบริเวณบ้านดงหลง หมู่ 6 ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ หลังพบว่าก่อสร้างอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติเขาโปกหล่นโดยไม่ถูกกฎหมาย นอกจากนี้ ยังมีรีสอร์ตที่อยู่ในบัญชีเป้าหมายที่จะถูกตรวจสอบอีกราว 26 รีสอร์ต ล่าสุดนายชีวะภาพ ชีวะธรรม หัวหน้าชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ กล่าวว่า  ปฏิบัติการตรวจยึดและจับกุมในครั้งนี้สืบเนื่องจากนโยบายอธิบดีกรมป่าไม้ซึ่งก่อนหน้านี้สั่งให้ดำเนินการตรวจสอบเอกซเรย์โรงแรมรีสอร์ตบ้านพักนายทุนหรูที่อยู่ในเขตป่าทั่วประเทศรวมทั้งกรณีที่มีนายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนระบุถึงการเลือกปฏิบัติสองมาตรฐานระหว่างภูทับเบิกกับเขาค้อ ทางอธิบดีจึงสั่งการให้ลงมาตรวจสอบ

“แต่ทั้งนี้เนื่องมีแผนหลักหรือแผนเดิมอยู่แล้วในการคัดกรองรีสอร์ตในเขตเขาค้ออยู่แล้ว จึงดำเนินการในส่วนที่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติเขาโปกหล่นทั้ง 33 ราย โดยมีการจัดแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มที่ 1 กลุ่มที่อยู่ระหว่างรอตรวจสอบเอกสารสิทธิมีโดยมีทั้ง โฉนด น.ส.3 ส.ค.1 จำนวน 18 ราย และกลุ่ม 2 กลุ่มที่รอหมดเขตที่เจ้าหน้าที่ได้ปิดประกาศคำสั่งให้นำเอกสารการถือครองมาแสดงจำนวน 8 ราย และกลุ่มที่ 3 กลุ่มที่คณะเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการตรวจยึดไปแล้วเมื่อวานนี้(19 เม.ย.) จำนวน 7 ราย” หัวหน้าชุดพยัคฆ์ไพร กล่าว

 

Advertisement

นายชีวะภาพกล่าวอีกว่า สำหรับกลุ่ม 3 ทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบเอกสารหลังให้โอกาสนำหลักฐานเอกสารมายื่นแสดง และเมื่อตรวจสอบก็พบว่าไม่มีเอกสารสิทธิใดๆมีเพียงแค่ใบ ภ.บ.ท.5 และส่วนใหญ่ก็เป็นแปลงใหญ่ๆทั้งหมดตั้งแต่ 70 ไร่จนถึง 100 กว่าไร่ รวมทั้ง 7 รายเนื้อที่บุกรุกไม่ต่ำกว่า 500 ไร่ ซึ่งเวลานี้ทางป่าไม้ในพื้นที่จ.เพชรบูรณ์ได้นำบันทึกการตรวจยึดในฐานะเป็นผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดีเจ้าของหรือนายทุนรีสอร์ทหรือบ้านพักตากอากาศหรูทั้ง 7 รายแล้ว และในจำนวนนี้ระหว่างการเข้าตรวจยึดได้พบผู้ต้องหาซึ่งรับเป็นเจ้าของบ้านพักตากอากาศจำนวน 1 ราย จึงควบคุมตัสนำส่งให้พนักงานสอบสวนสภ.เขาค้อดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกยึดถือและครอบครองพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนขั้นตอนต่อไป ก็คงต้องขยายผลตรวจสอบให้ครบทั้ง 33 รีสอร์ทดังกล่าว

สำหรับรีสอร์ทและบ้านพักนายทุนหรูทั้ง 7 ราย ที่คณะเจ้าหน้าที่สนธิกำลังโดยแบ่งกำบังออกเป็น 7 ชุดปฏิบัติการเพื่อเข้าตรวจยึดเมื่อวันที่ 19 เมษายนที่ผ่านมาโดย ได้แก่ 1.บ้านพักตากอากาศ ซึ่งมีนายปิยะภัทร ฟักคำ เป็นเจ้าของ 2.บ้านพักตากอากาศ มีนายวิทูล คุณสมบัติ เป็นเจ้าของ 3.บ้านพักตากอากาศ มีนางยุพา สุขเจริญ เป็นเจ้าของ 4.ภูพ่อบทรีสอร์ท มีนายสงกรานต์ ฟักคำ เป็นเจ้าของ 5.บ้านพักตากอากาศมีนางพีรนุช ลิ้มวทัญญู เป็นเจ้าของ 6.รีสอร์ทภูน้ำทรัพย์ มีนายเพชรไทย บุญเอี่ยม เป็นเจ้าของ และ 7.บ้านพักตากอากาศ มีนายสมใจ ศรีระยับ เป็นเจ้าของ

Advertisement

รายงานระบุว่า ระหว่างคณะเจ้าหน้าที่เข้าตรวจยึด ที่ดินที่นายวิทูลแจ้งการครอบครองที่ดินต่อเจ้าหน้าที่เพียง 70 ไร่ แต่หลังการตรวจสอบและประเมินด้วยสายตา พบว่ามีการปรับพื้นที่เป็นแนวขั้นบันไดโดยมีเนื้อที่กินบริเวณกว้างครอบคลุมเนินเขาเกือบ 2 ลูกกว่า 100 ไร่ ซึ่งนายวิทูลอ้างว่าเป็นผู้บุกเบิกฟันป่าบนที่ดินดังกล่าว จากนั้นชักชวนญาติพี่น้องมาร่วมลงทุน แต่ธุรกิจไปไม่รอดจึงหยุดกิจการโดยปริยาย ส่วนที่ดินช่วงไปแจ้งเสียภาษีบำรุงท้องที่ ทางเจ้าหน้าที่ให้แจ้งเสียภาษีแค่ 60 ไร่โดยบอกว่าเวลาไปรังวัดค่อยแจ้งครอบครองทั้งที่เป็นความจริงใหม่อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ ส่อพิรุธว่านายวิทูลเป็นแค่นอมินีนายทุนและเตรียมจัดฉากมาเตรียมพร้อมมาเป็นอย่างดี หลังจากเชื่อมโยงเบาะแสและพยานหลักฐานต่างๆ ประกอบกับมีการสอบพยานใกล้ตัว ทำให้นายวิทูลยอมรับว่าเป็นนอมินีให้แก่ “เสี่ยหนุ่ย” นายทุนจาก กทม. และเพิ่งมีการทำสัญญาซื้อขายที่ดินอีกแปลงเมื่อไม่นานนี้โดยมีการวางมัดจำไป 2 งวด งวดละ 50,000 บาทผ่านผู้ใหญ่บ้านรายหนึ่ง

 

คณะเจ้าหน้าที่จึงทำการขยายผลการตรวจสอบ จนสามารถจับกุมผู้ช่วยผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านรายนี้พร้อมพวกรวม 2 คนและรถไถอีก 2  คันขณะรับจ้างไถป่าเนื้อที่ราว 16 ไร่ ดำเนินคดี

ทั้งนี้ จากการขยายผลทำให้ทางเจ้าหน้าที่ถึงกับตะลึงเมื่อพบหลักฐานเชื่อมโยงว่า ส่อทำเป็นขบวนการฮุบป่าขายให้นายทุน โดยพื้นที่ป่าจำนวนเกือบพันไร่ได้ถูกนายทุนยึดครองไว้แล้ว พร้อมแอบนำชื่อใส่ไว้เพื่อเป็นข้ออ้างเป็นพื้นที่ทำกินที่ได้รับการผ่อนผันตามมติครม.ปี 2541  ในขณะที่นายทุนเหล่านี้มิได้ทำกินในพื้นที่ดังกล่าวจริงๆ ขณะเดียวกันเมื่อคณะเจ้าหน้าที่สำรวจพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุกดังกล่าว ยังพบว่ามีการปรับพื้นที่พัฒนาเป็นแปลงเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่มีการติดตั้งเสาไฟฟ้าแรงสูงเข้าไปยังที่ดินดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ซึ่งสร้างความสงสัยให้แก่คณะเจ้าหน้าที่ และล่าสุดในวันนี้(20 เม.ย.) ทางชุดพยัคฆ์ไพรและ ศปป.4 กอ.รมน. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ทหาร ตำรวจ ตชด.ในพื้นที่เข้าทำการตรวจสอบขยายผลต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image