สบส. ลุยสอบ ‘คลินิก’ เอี่ยวขนถังอสุจิ เผยหากพบ ‘แพทย์-เอเจนซี่’ ร่วม เตรียมเอาผิดแน่!

ตามที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดหนองคาย และเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันสอบสวนจับกุมนายนิธินนทน์ ศรีธานิยานันท์ อายุ 25 ปี พร้อมของกลางถังไนโตรเจน 1 ถัง ภายในบรรจุหลอดใส่อสุจิ 6 หลอด ของบุคคล 2 คน ที่อ้างว่าเป็นของคนสัญชาติจีน และเวียดนาม โดยนำมาจากคลินิกเอกชน 4 แห่งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อนำไปยังคลินิกเอกชนที่นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้จับกุมฐานกระทำผิด พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558 มาตรา 41 ห้ามมิให้ผู้ใดซื้อ เสนอซื้อ ขาย นำเข้า ส่งออก ซึ่งอสุจิ ไข่ หรือตัวอ่อน อัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ พ.ร.บ.ศุลกากร ในการนำของต้องห้ามออกนอกราชอาณาจักร จำคุก 10 ปี ปรับ 4 เท่าราคาของรวมค่าอากร หรือทั้งจำทั้งปรับนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 เมษายน นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า เบื้องต้นผู้ถือหรือผู้หิ้วรายดังกล่าว มีความผิดตามมาตรา 41 พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ต้องตรวจสอบว่า เป็นเชื้ออสุจิจริงหรือไม่ เพราะตามข่าวระบุเช่นนั้น แต่หากพบว่า เป็นตัวอ่อนจะเจอโทษหนักขึ้น อย่างไรก็ตาม หากพบว่ากรณีนี้มีเอเจนซี่เข้ามาเกี่ยวข้องจะมีความผิดเดียวกันด้วย นอกจากนี้ ในส่วนของ สบส. จะลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงเหล่านี้ว่า มีคลินิกที่เกี่ยวข้องกี่แห่ง อย่างไร และคลินิกรู้เห็นเป็นใจด้วยหรือไม่ โดยหากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2559

“หากตรวจสอบพบว่า คลินิกมีส่วนรู้เห็นก็จะเข้าข่ายผิด 2 พ.ร.บ.ด้วยกัน คือ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังผิด พ.ร.บ.สถานพยาบาลฯ มีโทษจำคุก 1 ปีหรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากตรวจสอบพบเชิงลึกว่าเกี่ยวข้องอื่นๆอีก ก็จะพิจารณาว่าจะต้องปิดคลินิกชั่วคราว หรือไม่ อย่างไร ขณะเดียวกันต่อมาหากพบว่า มีแพทย์ไทยเข้าไปเกี่ยวข้อง หรือไปทำให้ถึงต่างประเทศด้วยนั้น ก็จะเป็นหน้าที่ของแพทยสภาในเรื่องของจริยธรรมต่อไป” นพ.ธงชัย กล่าว

ทพ.อาคม ประดิษฐ์สุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ สบส.กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นในรายชื่อ 4 คลินิกตามที่ปรากฏเป็นข่าวนั้นพบว่ามีบางแห่งยังมีปัญหาเรื่องร้องเรียนการเกี่ยวกับการทำอุ้มบุญมาก่อนด้วย เรื่องยังอยู่ที่แพทยสภาอยู่เลย

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image