เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 29 กุมภาพันธ์ พระพุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จังหวัดนครปฐม ได้นำพยานหลักฐานพร้อมคำร้องขอให้นายภาณุพงษ์ โชติสิน อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ยื่นคำร้องต่อศาลให้เพิกถอนการปล่อยชั่วคราวนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ผู้ต้องหาคดีก่อการร้ายการชุมนุมปี 2553
โดยพระพุทธะอิสระกล่าวว่า ในวันนี้อาตมาได้นำเอกสารกว่า 200 หน้าและซีดี 18 แผ่น ซึ่งเป็นรายละเอียดที่นายจตุพรได้กล่าววาจาลักษณะดูหมิ่นเป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย มามอบให้เป็นหลักฐาน ซึ่งการกระทำของนายจตุพรนั้นเป็นการกระทำผิดเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราวของศาลอาญา ที่ศาลระบุไว้ชัดเจนว่าห้ามมิให้จำเลยกระทำการใดๆ อันมีลักษณะดูหมิ่นผู้อื่น ยั่วยุ ปลุกปั่น ปลุกระดม เพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองหรืออาจก่อให้เกิดอันตราย กระทบต่อเกียรติยศ ชื่อเสียง และความเป็นอยู่ของผู้อื่น ซึ่งจากการที่นายจตุพรพยายามพูดกล่าวหาตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา ทั้งใส่ร้ายให้เป็นผู้ต้องอาบัติปาราชิก ซ้ำยังกล่าวหาว่า ตัวเองเป็น 1 ในแก๊ง 3 พ. ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเข้าข่ายดูหมิ่นทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ส่วนหลักฐานที่นำมาวันนี้มีความมั่นใจอย่างมากว่าจะสามารถนำนายจตุพรเข้าคุกได้
ส่วนที่ทนายความนายจตุพรกล่าวว่าตนไม่มีสิทธิมายื่นคำร้องดังกล่าวเนื่องจากไม่ได้เป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้เสียในคดีว่า อาตมาใช้สิทธิในฐานะผู้เสียหายที่ถูกนายจตุพรพูดจาดูหมิ่นใส่ร้าย ซึ่งนายจตุพรเป็นจำเลยที่ศาลวางกำหนดเงื่อนไขไว้ห้ามยุยงปลุกปั่น แต่นายจตุพรกระทำผิดเงื่อนไขนี้ และอาตมาเป็นผู้เสียหาย หากจะมีการฟ้องกลับก็ยินดีสู้ตามกฎหมาย และการที่นายจตุพรจะออกมากล่าวว่าร้ายตนอีกก็ถือเป็นเรื่องดีเพราะจะได้มีหลักฐานยื่นเพิ่มต่อศาล และเชื่อว่าศาลท่านจะมีมุมมองและพิจารณาให้ความเป็นธรรมในเรื่องนี้
พระพุทธะอิสระยังได้กล่าวต่อว่า ได้ฝากถามไปยังนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กรณีมีการทำบทสรุปทั้งด้านต่อต้านและด้านสนับสนุน เกี่ยวกับการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช หากมีการจัดทำบทสรุปจริงเหตุใดจึงไม่เคยได้รับการสอบถามมายังอาตมา และหากกรณีนี้เป็นจริงจะทำเรื่องฟ้องสำนักพุทธศาสนา ฐานรายงานเท็จ เพราะยังไม่มีการสอบถามที่ครอบคลุมแต่อย่างใด ขอให้นายสุวพันธุ์อย่าฟังความแต่เฉพาะของมหาเถรสมาคม และมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เพราะล้วนเป็นฝ่ายธรรมกายทั้งนั้น
ส่วนกรณีนายจตุพรระบุว่า ฝ่ายอาตมาเป็นคนกลุ่มน้อยที่ออกมาค้านสมเด็จช่วงขึ้นเป็นสังฆราชนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะโพลก็มีการสำรวจความเห็นประชาชนร้อยละ 70 ยังไม่อยากให้มีการแต่งตั้งพระสังฆราช
นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความนายจตุพร กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องกิจของสงฆ์ที่พระพุทธะอิสระจะต้องมาทำเช่นนี้ แต่อย่างไรก็ตามถ้าพระพุทธะอิสระเห็นว่าเป็นเรื่องที่กิจของสงฆ์ควรทำก็ไม่ว่ากัน และอีกส่วนนั้นพระพุทธะอิสระก็อยู่ในฐานะผู้ต้องหาคดีร่วมกันก่อกบฏเมื่อปี 56-57 ที่ผ่านมา แม้จะเข้ามอบตัวต่ออัยการและดีเอสไอแล้วก็ตาม แต่คดีนี้ต้องถามไปยังอัยการว่าพิจารณาคดีถึงไหน เพราะเห็นว่ามีการส่งฟ้องจำเลยบางคนแล้ว เหตุใดจำเลยที่เหลือรวมทั้งพระพุทธะอิสระจึงไม่ยื่นฟ้อง อย่างไรก็ตาม การที่พระพุทธะอิสระมายื่นเรื่องแบบนี้ เป็นเรื่องของการเมืองและเป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นรวมทั้งพระพุทธะอิสระด้วย แต่การทำเช่นนี้มีแต่จะทำให้เกิดการแตกแยกขัดแย้งขึ้น
