หญิงไทยในเยอรมนีสักการะพระบรมศพ ในหลวง ร.9 เผยแพร่ปรัชญาพอเพียงให้คนเยอรมันเกิดประโยชน์จริง

บุญพร้อม(ซ้าย)

เมื่อวันที่ 25 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 174 ประชาชนจากทั่วประเทศแต่งกายชุดสีดำสุภาพ มาต่อแถวรอกราบถวายสักการะไม่ขาดสาย

นางบุญพร้อม สตรืเซเบแชร์ อายุ 52 ปี ชาว อ.ลอง จ.แพร่ แต่ย้ายไปมีครอบครัวที่เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี กว่า 30 ปี ใช้โอกาสเดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านเกิดช่วงเทศกาลสงกรานต์ มากราบพระบรมศพเป็นครั้งแรก ก่อนจะเดินทางกลับเยอรมนีในวันที่ 26 เมษายน กล่าวด้วยสีหน้าปลาบปลื้มว่า ตอนอยู่ที่เยอรมนีพยายามติดตามข่าวสารพระราชกรณียกิจในหลวง ร.9 และพระบรมวงศานุวงศ์อยู่ตลอด ทั้งทางหนังสือพิมพ์และโซเชียลมีเดีย เพราะรักพระองค์ และชื่นชอบในทุกโครงการพระราชดำริที่ทรงทำเพื่อประเทศและราษฎรให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งชาวเยอรมันก็รู้จักและชื่นชมพระองค์ว่าไม่มีกษัตริย์องค์ใดเหมือนพระองค์ ขณะที่ชาวเยอรมันบางคนที่รู้จักกัน ตนได้แนะนำเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้รู้จัก ซึ่งเขาก็ลองไปปฏิบัติและพบว่าคำสอนนี้เกิดประโยชน์จริง

“แม้จะอยู่ไกลบ้านเกิดเมืองนอน แต่ดิฉันก็รักและเฝ้าติดตามข่าวสารอยู่ตลอด ช่วงที่พระองค์สวรรคตแรกๆ เสียใจมาก วันที่ 18 ตุลาคม ได้ไปลงนามถวายความอาลัยแด่พระองค์ที่สถานทูตไทยในเยอรมนี ถัดมาก็เข้าร่วมกิจกรรมจุดเทียนถวายความอาลัยที่กำแพงเบอร์ลินร่วมกับชาวไทยที่เยอรมนีและชาวเยอรมันที่รักพระองค์ นอกจากนี้ปกติดิฉันจะเดินทางกลับไทยปีละหนคือช่วงสงกรานต์ แต่ปีนี้ตั้งใจว่าอยากจะกลับมาอีกช่วงพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ” นางบุญพร้อมกล่าวทั้งน้ำตาคลอ

มันตรา-สิริกานต์

ด้านนางสิริกานต์ ศรีเกษเพ็ชร์ อายุ 69 ปี ชาวกรุงเทพฯ มาพร้อมน้องสาว นางสาวมันตรา อัตตพงษ์ไพบูลย์ อายุ 53 ปี ข้าราชการครูจากโรงเรียนเฉลิมขวัญสตรีพิษณุโลก จ.พิษณุโลก โดยนางสิริกานต์กล่าวว่า วันนี้พวกเรามาชมนิทรรศการเย็นศิระเพราะพระบริบาล ที่ท้องสนามหลวง จริงๆ ก็มาชมหลายครั้งแล้ว แต่ก็อยากมาดูอีกเรื่อยๆ และหลังจากชมนิทรรศการเสร็จจะไปเฝ้าฯ รับเสด็จ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร ซึ่งวันนี้มีพิธีสวดปาฏิโมกข์ โดยจะจัดทุกวันพระ

Advertisement

“หากกล่าวถึงความประทับใจที่มีต่อในหลวง ร.9 คงพรรณาออกมาไม่หมด เพราะรักและประทับใจพระองค์มาก พระองค์ทรงมีโครงการพระราชดำริถึง 4,676 โครงการทั่วประเทศ แต่ละโครงการก็สร้างประโยชน์แก่ประเทศและราษฎร อย่างโครงการที่ชอบคือ เกษตรอินทรีย์ ที่เป็นการปลูกพืชไร้สารเคมี ทำให้คนปลูกคนกินมีแต่สุขภาพดี รวมถึงเกษตรผสมผสานที่น้อมนำมาใช้ที่บ้าน แม้มีพื้นที่เล็กแต่ก็นำพืชผักสวนครัวมาปลูกรวมไว้บริโภคภายในครัวเรือน อาทิ กะเพรา โหระพา พริก” นางสิริกานต์กล่าว

ขณะที่นางสาวมันตรากล่าวว่า พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างและแรงบันดาลใจชีวิตให้ดิฉัน ทั้งความขยันอดทน ความอ่อนน้อม เวลาที่ทำงานเหนื่อยๆ หรือทำดี แต่รู้สึกท้อ ก็จะนึกถึงพระองค์ที่ทรงงานมา 70 ปี และไม่มีเกษียณอายุ ก็ทำให้มีกำลังใจขึ้นมา ทั้งนี้ปฏิบัติและสอนนักเรียนให้นักเรียนรู้จักเศรษฐกิจพอเพียง ที่ไม่เพียงแต่เรื่องประหยัดอดออมเงิน ความพอเพียง ยังครอบคลุมถึงการใช้เงินอย่างมีเหตุผล พอกิน พอใช้ หากทำได้ประโยชน์ไม่เพียงเกิดกับผู้ปฏิบัติ แต่ยังเกิดประโยชน์แก่ทรัพยากรธรรมชาติที่จะไม่กลับมาทำร้ายเรา หากบริโภคแต่พอตัว

“พวกเราจะเป็นลูกที่ดีของพ่อ ตั้งแต่การคิดดี ทำดี ช่วยเหลือคนอื่นเท่าที่จะมีโอกาส และจะพยายามสืบสานงานของพ่อตลอดไป” นางสิริกานต์และนางสาวมันตรากล่าวร่วมกัน

Advertisement
ศิริพรรณ-ปัญญา

นางศิริพรรณ เนตรทองคำ เจ้าของร้าน ซูชิ สยาม ยูเอสเอ กล่าวภายหลังร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลพระบรมศพว่า ในหลวง ร.9 ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อคนไทยที่อยู่ในสหรัฐอเมริกาอย่าเป็นล้นพ้น ทั้งเรื่องคุณภาพชีวิตและเรื่องทางพระพุทธศาสนา โดยแต่ก่อนพระองค์ได้พระราชทานผ้าพระกฐินให้ครอบครัวเรานำไปทอดยังวัดหลวงในสหรัฐอเมริกาเป็นประจำทุกปี นอกจากนี้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นแก่คนไทยที่มาอาศัยและทำงานในต่างแดน และคิดอยากจะกลับไปยังแผ่นดินแม่ อย่างเมื่อก่อนเวลาไปทำงานต่างประเทศ ถ้าเราได้พาสปอร์ตที่สหรัฐอเมริกาแล้ว แต่เราคิดอยากกลับมาเยี่ยมครอบครัวที่บ้านเกิดเมืองไทย เราจะอยู่ได้เพียงแค่ 30 วัน จากนั้นต้องต่อวีซ่าเพื่อจะได้อยู่เมืองไทยต่อ แต่ปรากฏว่ามีหลายครั้งเรามาอยู่เมืองไทยเกิน 30 วัน จนต้องเสียค่าปรับแพงมาก ในหลวง ร.9 จึงทรงมีรับสั่งเมื่อ 20 ปีที่แล้วว่า “เป็นคนไทย ไม่ต้องต่อวีซ่า เมื่อกลับมาประเทศไทย สามารถใช้พาสปอร์ตของประเทศไทยเข้าประเทศ และพำนักอยู่นานเพียงใดก็ได้” ซึ่งด้วยพระมหากรุณาธิคุณนี้ ทำให้พวกเราชาวไทยที่ไปประกอบอาชีพที่ต่างแดนสามารถกลับมาพำนักเมืองไทยนานเท่าไรก็ได้ โดยไม่ต้องเสียเงินต่อวีซ่า

ขณะที่ นายปัญญา อัมพร เจ้าของร้านอาหารไทยในประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ไปอาศัยและประกอบอาชีพในต่างแดนนานถึง 32 ปี กล่าวด้วยน้ำเสียงตื้นตันใจว่า ไม่เกิน 3 ปีจากนี้ ตนจะกลับมาอยู่เมืองไทย มาทำสวนทำไร่ ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตอนนี้ตนมีที่ดินอยู่ที่สระบุรีจำนวน 1 ไร่ จะแบ่งพื้นที่สร้างบ้าน ปลูกผัก เพาะเห็ดโคนเพื่อเอาไว้ขาย และจะกลับมาทำกิจกรรมเป็นจิตอาสา ช่วยเหลือผู้ที่อ่อนแอกว่า ทั้งนี้ตนมีความสุขกับการได้นั่งมองพระบรมฉายาลักษณ์ของ ในหลวง ร.9 มองทีไรก็ทำให้มีแรงบันดาลใจอยากทำสิ่งต่างๆ เพื่อตอบแทนสังคม

ทั้งนี้ สำนักพระราชวังแจ้งสรุปยอดรวมประชาชนที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ เมื่อวันที่ 24 เมษายน หลังปิดเวลา 21.02 น. มีจำนวนทั้งสิ้น 26,462 คน รวม 173 วัน มี 6,422,621 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 5,504,497.50 บาท รวม 173 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 519,069,697.26 บาท

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image