พสกนิกรร่วมเล่าความประทับใจที่มีต่อ ‘ในหลวงร.9’ เผยยอดปชช.กราบพระบรมศพ 174 วัน 6.4 ล้านคนแล้ว

เมื่อวันที่ 26 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 175 ประชาชนจากทั่วทุกสารทิศต่างเดินทางมาต่อแถวรอกราบถวายสักการะไม่ขาดสาย แม้เป็นวันทำงานก็ตาม ทั้งนี้ ทางสำนักพระราชวังเปิดประตูวิเศษไชยศรีให้ประชาชนเข้าตั้งแต่เวลา 04.45 น. จากเปิดปกติเวลา 08.00 น. ขณะที่บริเวณหน้าประตูสรีสุนทร ตั้งอยู่ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งเป็นประตูทางออกของพสกนิกรหลังกราบสักการะพระบรมศพ การนี้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ฯ นำอาหาร ขนม ของว่าง และน้ำดื่มพระราชทานมาแจกจ่ายให้ประชาชน อาทิ โจ๊กไก่ ต้มจิ๋วพร้อมไก่จ๊อ ก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำตก หมูฮ้อง เฉาก๊วยชากังราวและมีน้ำดื่มให้บริการตลอดทั้งวัน

 

พี่ซุปเผยน้อมนำแนวพระราชดำริ ‘ในหลวงร.9’ สอดแทรกรายการเด็กมาตลอด 26 ปี

นายวิวัฒน์ วงศ์ภัทรฐิติ “พี่ซุป” กรรมการบริหารบริษัท ซูเปอร์จิ๋ว จำกัด และพิธีกรรายงานซูเปอร์จิ๋ว กล่าวภายหลังร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลถวายพระบรมศพว่า นับเป็นความทรงจำครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้มีโอกาสมากราบสักการะพระบรมศพ ขณะที่ได้ฟังพระสวดก็ทำให้เรารำลึกถึงเวลาที่ผ่านมาที่เราได้เห็นพระองค์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่างๆ ทำให้รู้สึกปลาบปลื้มที่ได้เกิดในรัชสมัยของพระองค์ ตนคิดว่าคนไทยทุกคนก็รู้สึกเหมือนกัน เพียงแต่ในฐาะที่เราเป็นสื่อ เราก็แสดงออกมาในรูปแบบของการสื่อสารมวลชน ซึ่งตลอด 26 ปีที่ผ่านมา เราพยายามทำรายการโดยน้อมนำแนวพระราชดำริของพระองค์มาใช้ ล่าสุดเมื่อปลายปีที่แล้ว เรามีการประกวดจินตนาการเด็ก โดยกำหนดโจทย์ให้น้องๆ คิดจินตนาการเพื่อโลกในอนาคตที่สอดคล้องกับแนวคิดในโครงการพระราชดำริ เด็กๆ ก็นำแนวความคิดของพระองค์มาใช้เป็นเครื่องประดิษฐ์สิ่งต่างๆ ทั้งการบำบัดน้ำเสีย การแก้ปัญหาตัดไม้ทำลายป่า การใช้ชีวิตอย่างพอเพียง สิ่งที่ได้คือเด็กที่เข้าร่วมโครงการโดยตรงก็จะได้ศึกษาโครงการพระราชดำริก่อน จึงจะนำมาปรับใช้ และนำเสนอเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่สอดคล้องกับแนวคิดของพระองค์  ส่วนเด็กทางบ้านก็ได้รับความรู้จากการรับชม นอกจากนี้เรายังได้สอดแทรกคอลัมน์ที่เทิดพระเกียรติพระองค์ไว้ในแม็กกาซีนซูเปอร์จิ๋ว บางโอกาสก็จะมีเล่มพิเศษที่จัดทำขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติพระองค์ด้วย

Advertisement

นายวิวัฒน์ กล่าวต่อว่า ตนมองพระองค์เป็นแบบอย่าง โดยไม่ได้มองแค่สิ่งใดสิ่งหนึ่ง แต่มององค์รวม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่พระองค์ทรงเสียสละเพื่อพสกนิกรไทย ซึ่งตอนเด็กๆ ตนดูข่าวก็ไม่เข้าใจว่าทำไมวันหนึ่งในหลวง รัชกาลที่ 9 พระราชดำเนินเดินไปหลายที่ แล้วแต่ละที่ก็เป็นถิ่นทุรกันดาร และเห็นทุกวันจนกระทั่งโตขึ้นพอรู้ความ เราจึงรู้ว่าพระองค์ทรงเหน็ดเหนื่อยเพื่อเราชาวไทยทุกคน พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างของบุคคลที่ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง พระองค์ไม่ได้บอกให้เราทำอย่างเดียว แต่พระองค์ทรงทำให้เราเห็นด้วย แล้วงานที่พระองค์ทำก็เพื่อคนไทยจริงๆ ตนดูโครงการในพระราชดำริต่างๆ และศึกษา จะเห็นว่าไม่ใช่เรื่องง่าย แม้แต่คำพูดของพระองค์ที่ให้ทรงเปลี่ยนชาวเขาเป็นชาวเรา พระองค์ทรงเป็นปราชญ์จริงๆ เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา คำพูดของพระองค์แต่ละคำและสิ่งที่ทรงแสดงออกให้เราเห็นเป็นหลักคิด เป็นปรัชญา ที่เราสามารถนำมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตได้ทั้งหมด

“สิ่งที่พระองค์ทรงทำให้เราเห็นจะสามารถอยู่คู่กับสังคมไทยไปตลอด ถ้าพวกเราทุกคนยึดถือเป็นแบบอย่างจะมีส่วนในการช่วยพัฒนาประเทศเราให้เจริญมากยิ่งขึ้นในทุกมิติ เพราะทุกโครงการของพระองค์มีประโยชน์ทั้งหมด ไม่ว่าเราจะหยิบจับอะไรก็สอดล้องกับสิ่งที่พระองค์ทรงวางรากฐานไว้ และครั้งหนึ่งในชีวิตเราควรได้มากราบสักการะพระบรมศพบุคคลที่สำคัญที่สุดในชีวิตของพวกเราทุกคน ผมคิดว่าถ้ามีโอกาสก็อยากให้มา ก่อนหน้านี้ผมมาที่พระบรมมหาราชวังหลายครั้ง แต่จะกราบอยู่ข้างนอกกำแพง แต่หากใครไม่มีโอกาสก็ระลึกถึงพระองค์ และทำสิ่งที่คิดว่าดีและมีประโยชน์ต่อคนในสังคม เพื่อถวายพระอค์ เหมือนที่พระองค์เสียสละเพื่อพวกเรามาตลอด 70 ปี” นายวิวัฒน์กล่าวด้วยความตื้นตัน

 

Advertisement
บริษัท ซูเปอร์จิ๋ว จำกัด

 

ชาวบุรีรัมย์เผยบีบยาสีฟันหมดหลอด-ใช้ดินสอจนกุดมาตลอด ตามรอยเบื้องพระยุคลบาท ‘ในหลวงร.9’

ขณะที่ นางจุรีรัตน์ จันทร์หอม อายุ 67 ปี พร้อมด้วยนางมุ้ย คนึงรัมย์ อายุ 62 ปี น้องสาวและหลานสาว เดินทางมาจากอ.รัตนบุรี จ.บุรีรัมย์ โดยนางจุรีรัตน์เปิดเผยความรู้สึกภายหลังเข้ากราบสักการะพระบรมศพว่า ตนพร้อมกับน้องสาวเดินทางมาจากต่างจังหวัดหลายวันแล้ว โดยมีความตั้งใจอยากเคารพพระบรมศพ อยากมาเห็นว่าพระบรมโกศสวยงามขนาดไหน กระทั่งหลานสาวมีเวลาว่างและเดินทางมายังท้องสนามตั้งแต่เช้าตรู่ ส่วนครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรก ตนรู้สึกดีใจมากเพราะนึกในใจว่าอยากมาตลอด คิดว่าถ้าหากไม่มาสักการะในหลวงรัชกาลที่ 9 คงนอนตายตาไม่หลับ

“พอเข้ากราบสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ รู้สึกชื่นใจ ดีใจมาก รู้สึกโล่งใจเหมือนสิ่งที่ตั้งใจไว้ได้ลุล่วงแล้ว คือการเข้าสักการะในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่รักใคร่ของปวงชน เพราะเมื่อท่านจากไป ป้าก็รู้สึกใจหาย จนถึงทุกวันนี้ก็ยังคงรู้สึกใจหาย เพราะเกิดมานอกจากพ่อแม่ของเราเองที่รู้จักเป็นคนแรกๆ แล้ว เราก็รู้จักในหลวงตั้งแต่เกิดมาเช่นกัน ส่วนโครงการหรือแนวคำสอนป้าประทับใจทุกอย่างโดยเฉพาะเรื่องความประหยัด ที่พระองค์สามารถเป็นต้นแบบได้อย่างสมบูรณ์ ตั้งแต่หลอดยาสีฟันที่บีบใช้หมดหรือดินสอที่ใช้จนกุด ก็เป็นสิ่งที่ป้านำมาใช้ในชีวิตเสมอ” นางจุรีรัตน์กล่าว

ส่วนนางมุ้ย เล่าว่า จำได้ว่าเมื่อปี 2519 ในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระราชินี เคยเสด็จวัดโพธิ์ศรีธาตุ บ้านธาตุ อ.รัตนบุรี จ.บุรีรัมย์ ซึ่งขณะนั้นตนยังเล็กส่วนแม่ก็ได้อุ้มตนเดินทางด้วยเท้าไปสถานที่ดังกล่าว โดยมีระยะห่างจากบ้านถึง 3 กิโลเมตร ส่วนถนนสมัยก่อนยังคงเป็นลูกรังและมีดินแดง เมื่อครั้นรถผ่านฝุ่นก็คละคลุ้งมาตลบอบอวลแม่และตนเอง ซึ่งแม่ก็ไม่ย่อท้อพาตนเดินทางจนมาถึงวัดโพธิ์ธาตุ จำได้ว่าบรรยากาศรายล้อมไปด้วยประชาชนเฝ้ารับเสด็จฯจำนวนมาก ส่วนตนแม้ได้เห็นไกลๆ ก็รู้สึกว่าเป็นความประทับใจมากแล้ว ซึ่งก็คิดในใจมาตลอดว่า ในเมื่อท่านทรงเสด็จไปสถานที่ต่างๆ ไปเยี่ยมราษฎรอย่างเราได้ แล้วทำไมวันที่ท่านจากไปเราจะเดินทางมาสักการะท่านไม่ได้

“ป้าตื้นใจมากเห็นพระบรมโกศสวยงาม สีเหลืองอร่าม อยากอยู่เบื้องหน้าพระบรมโกศนานๆ ซึ่งหากเมื่อถึงวันพระราชพิธีถวายเพลิงศพของท่าน ป้าจะเดินทางมาอีกครั้ง เพื่อร่วมส่งท่านสู่สวรรคาลัยเป็นครั้งสุดท้าย” นางมุ้ยเล่า

นางมุ้ย คนึงรัมย์-หลานสาว-นางจุรีรัตน์ จันทร์หอม

 

ครูจ.พัทลุงเผยรับสั่ง ‘ในหลวงร.9’ สอนให้เขาเป็นคนดี

ส่วนน.ส.ฑีฆพัชร์ แทนมาก อายุ 35 ปี คุณครูโรงเรียนเทศบาลวัดนิโครธาราม อ.เมือง จ.พัทลุง กล่าวว่า ออกเดินทางโดยรถไฟพร้อมลูกชาย ลูกสาว คุณแม่ และญาติรวม 6 คน ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 24 เมษายนมาถึงกรุงเทพฯ เช้าวันอังคารที่ 25 เมษายน และพักค้าง 1 คืน ก่อนจะเดินทางมายังพระบรมมหาราชวังเพื่อเข้าแถวรอเวลา 08.00 น.และได้เข้ากราบพระบรมศพเวลา 08.30 น. เป็นครั้งแรกที่ได้มา รู้สึกปลาบปลื้มใจมาก ยิ่งได้เห็นบรรยากาศคนไทยต่างแต่งกายด้วยชุดดำมากันอย่างพร้อมเพรียงยิ่งตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก

“อยากพาลูกๆ และญาติมาไหว้ในหลวงสักครั้งเพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ พวกเรารักท่านสุดหัวใจ ท่านทรงทำทุกอย่างเพื่อคนไทย ทรงปลูกฝังให้รู้รักสามัคคี เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจยามเมื่อบ้านเมืองมีความขัดแย้ง แตกความสามัคคี ท่านจะเป็นคนกลางคอยประสาน ดูแล และช่วยแก้ไขให้สถานการณ์ดีขึ้น ในฐานะที่ตัวเองเป็นครูท่านได้พระราชทานพระบรมราโชวาทว่า เป็นครูใช่ไหม ฝากเด็กๆ ด้วย สอนให้เขาเป็นคนดี ที่โรงเรียนจะมีพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ทุกห้องเรียน ทุกเช้าจะเปิดเพลงเกี่ยวกับในหลวงรัชกาลที่ 9 ให้นักเรียนได้ซึมซับ พร้อมกับนำแนวคิดเกษตรทฤษฎีใหม่มาให้นักเรียนได้ปฏิบัติ โดยปลูกผัก และเลี้ยงเป็ดไก่ไว้ทำอาหารกลางวัน เหลือจากนี้ก็นำไปขายให้คนในชุมชน นำเงินมาออมไว้ใช้จ่ายยามจำเป็น” ครูสาวกล่าว

น.ส.ฑีฆพัชร์ แทนมาก (คนที่ 2 จากซ้าย)

สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 25 เมษายน หลังปิดการขึ้นกราบถวายสักการะพระบรมศพ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในเวลา 21.09 น.ว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 27,935 คน รวม 174 วัน มี 6,450,556 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 2,203,699.75 บาท รวม 174 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 521,273,397.01 บาท

 

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image