เมื่อวันที่ 28 เมษายน นางสาวจันทร์จิรา บุญประเสริฐ ผู้ประสานงานมูลนิธิเพื่อสิทธิและความเป็นธรรมทางเพศ กล่าวว่า ตามที่มูลนิธิเพื่อสิทธิและความเป็นธรรมทางเพศ ร่วมกับมูลนิธิเครือข่ายเพื่อนกะเทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และสมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย ได้ส่งคณะทำงานลงพื้นที่สังเกตการณ์การตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการ พ.ศ. 2560 พบว่า การปฏิบัติของคณะกรรมการตรวจเลือกฯ กับบุคคลที่มีเพศภาวะไม่ตรงกับเพศกำเนิดดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตั้งแต่การจัดที่นั่ง มีห้องตรวจร่างกาย และการพูดคุยให้เกิดการผ่อนคลาย แต่พบว่ามาตรฐานการตรวจร่างกายและการออกใบ สด.43 ของคณะกรรมการตรวจเลือกแต่ละพื้นที่ มีแตกต่างกัน อาทิ แต่งกายเป็นหญิง ถ้าผ่าตัดแปลงเพศ ทำหน้าอก ใช้ฮอร์โมนเพศหญิงมาแล้ว จะได้รับพิจารณาออกใบ สด.43 ประเภท 2 เพศภาวะไม่ตรงกับเพศกำเนิด ทั้งกรณีที่ไปตรวจขอใบรับรองแพทย์ตามโรงพยาบาลที่กองทัพกำหนดมาแล้วหรือไม่ได้ขอมา แต่บางพื้นที่ถูกพิจารณาออกใบ สด.43 ประเภทป่วยรักษาไม่หายภายใน 30 วัน ปีหน้ากลับมาใหม่ เพราะใช้แค่ฮอร์โมนเพศหญิง แม้แต่งกายเป็นหญิง ขณะที่บางพื้นที่แม้ขอใบรับรองแพทย์อย่างถูกวิธีมา แต่ก็ยังถูกพิจารณาออกใบสด.43 ประเภท 3
นางสาวจันทร์จิรากล่าวอีกว่า ในปีนี้ยังปรากฏเคส ณัชพล ขันทแพทย์ กะเทยที่จับได้ใบแดงต้องไปเกณฑ์ทหารที่จ.อุดรธานี ซึ่งมีกำหนดต้องไปรายงานตัววันที่ 3 พฤษภาคมนี้ เราได้ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือพบว่า ณัชพลได้แสดงออกถึงสภาพร่างกายและจิตใจเป็นผู้หญิงมาโดยตลอด เบื้องต้นได้ทำเรื่องขอความเป็นธรรมต่อคณะกรรมการชั้นสูง ประจำจ.อุดรธานี และไปตรวจขอใบรับรองแพทย์แล้ว รวมถึงเคส วัชรพล แซ่ตัน พื้นที่ตรวจเลือก อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ที่ขอใบรับรองแพทย์มาอย่างถูกวิธี แต่กลับถูกออกใบสด.43 ประเภท 4 ที่ระบุถ้อยคำว่า โรคจิตอื่นๆ ซึ่งเราได้ยื่นเรื่องต่อกองทัพให้ปรับแก้ถ้อยคำแล้ว อย่างไรก็ตาม เรายังได้จัดทำข้อสรุป ข้อเรียกร้อง และข้อเสนอแนะต่อกองบัญชาการกองการสัสดี กระทรวงกลาโหม อาทิ ขอให้ปฏิบัติต่อกะเทยในมาตรฐานเดียวกัน โดยปราศจากอดติ ระบุโทษต่อคณะกรรมการตรวจเลือกฯที่ไม่ดำเนินการตามมาตรการที่กำหนดไว้ เผยแพร่แนวปฏิบัติเมื่อดิฉันต้องไปเป็นทหารและแนวปฏิบัติต่างๆเพื่อกะเทยได้ทราบ ให้คำปรึกษาทันทีเมื่อถูกเลือกปฏิบัติ ณ จุดตรวจเลือก
ด้าน พ.อ.สะอาด ยศพลเสนีย์ สัสดีจังหวัดอุดรธานี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ณัชพล ขันทแพทย์ กะเทยที่จับได้ใบแดง ว่า ทราบว่าผลการตรวจจากแพทย์ออกมาแล้ว และคณะกรรมการชั้นสูง ประจำจ.อุดรธานี เตรียมตัดสินในวันที่ 28 เมษายนนี้ เวลา 13.00 น. ที่ห้องรองผู้ว่าฯ ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี ทั้งนี้ ตนยังไม่ทราบผลการตรวจดังกล่าว แต่ตามแนวปฏิบัติหากผู้ร้องกล่าวได้ตรวจออกมาแล้ว ว่าเป็นบุคคลที่มีภาวะเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิดจริง จะไม่ต้องเกณฑ์ทหารแน่นอน ส่วนทำไมผู้ร้องถึงหลุดเข้าไปถึงขั้นตอนการจับใบดำใบแดงนั้น ขอชี้แจงว่า ถือเป็นดุลพินิจของคณะกรรมการชั้นต้น ที่จะตัดสินโดยดูจากลักษณะ ซึ่งอย่างกรณีนี้คณะกรรมการอาจจะเชื่อว่าไม่ได้เป็นสาวประเภทสองจริง แต่ก็ให้สิทธิร้องคณะกรรมการชั้นสูงอีกทีได้
