แก๊งหมูแฮม 2 น้าหลาน ดอดมอบตัวต่อสู้คดีแทงหนุ่มใหญ่ดับช่วงสงกรานต์ อ้างป้องกันตัว

แก็งหมูแฮม 2 น้าหลาน ดอดมอบตัวต่อสู้คดีแทงหนุ่มใหญ่ชาว ต.ควนปริง อ.เมืองตรัง จนเสียชีวิตเยื้องแบงก์กรุงไทย ช่วงหลังสงกรานต์ที่ผ่านมา พร้อมให้การปฎิเสธ อ้างป้องกันตัว และไม่ชอบขี้หน้ากันมานาน

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 26 เมษายน 2560 พ.ต.ท.ประเสริฐ สงแสง รอง ผกก.สส.สภ.เมืองตรัง พร้อมด้วย ร.ต.อ.เอกลักษณ์ ศักดิ์ชัยนันท์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองตรังได้รับมอบตัว นายชนาพัทธ์ สุดทำ หรือ หมู อายุ 20 ปี และนายวรเมธ ยี่หลัก หรือ แฮม อายุ 18 ปี สองน้าหลานเจ้าของฉายาแก๊งหมูแฮม หลังตกเป็นผู้ต้องหาในคดีร่วมกันฆ่า นายสมศักดิ์ หนูคง อายุ 44 ปี หมู่ที่ 9 ตำบลควนปริง อำเภอเมืองตรัง โดยใช้มีดปลายแหลมแทงเข้าที่บริเวณลำคอ และสะบักหลัง รวม 3 แผล จนเสียชีวิต บนถนนกันตัง เยื้องธนาคารกรุงไทย ในเขตเทศบาลนครตรัง เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 03.00 น. ของวันที่ 18 เมษายน 2560

โดยหลังก่อเหตุได้หลบหนีไป แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามสืบสวนสอบสวน และภาพจากกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ทั้งหมด กระทั่งล่าสุดผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ได้เดินทางมาพร้อมกับมารดา ภรรยา และทนายความ เพื่อขอต่อสู้คดี พ.ต.ท.ประเสริฐ สงแสง รอง ผกก.สส.สภ.เมืองตรัง กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้งสองถูกจับกุมตามหมายศาล จ.ตรังที่ 167/2560 และขอเข้ามอบตัว โดย นายชนาพัทธ์ หรือ หมู ได้ปฎิเสธในข้อหาฆ่าคนตาย โดยอ้างว่าระหว่างเกิดเหตุผู้ตายจะเข้ามาทำร้าย และได้มีการชกต่อยต่อสู้กัน แต่ตนเองสู้ไม่ได้ จึงได้ร้องขอความช่วยเหลือจากน้องชายส่วน นายวรเมธ หรือ แฮม ก็ให้การภาคเสธว่า ได้ใช้อาวุธมีดแทงผู้ตายจริง แต่ก็แค่ต้องการช่วยเหลือพี่ชายที่ถูกทำร้ายอยู่ในขณะนั้น ซึ่งทางพนักงานสอบสวนก็จะส่งผู้ต้องหาทั้งคู่ให้ศาลพิจารณาว่าจะให้มีการประกันตัวหรือไม่ และจะมีการคัดค้านประกันตัว พร้อมตั้งข้อหาว่า ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา มีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาติ และพาอาวุธไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ก่อนส่งตัวให้ศาลดำเนินคดีตามกระบวนการต่อไป

ด้าน นายกฤษฎา คงเรือง ทนายความของผู้ต้องหา กล่าวว่า คดีนี้ถ้าดูตามข้อมูลแล้ว พบว่าผู้ต้องหาถูกกระทำก่อนด้วยซ้ำ เพราะมีเรื่องกันมาก่อนเกิดเหตุ จึงคิดว่ามีทางช่วยเหลือให้ชนะคดีได้ เนื่องจากยังมีพยานอีกหลายส่วนที่จะต้องหามาเพิ่มเติม ซึ่งก็จะต่อสู้คดีให้ศาลเห็นว่า ผู้ต้องหาไม่มีเจตนาฆ่าผู้อื่น แต่เป็นลักษณะของการป้องกันตัว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image