อัยการชี้ ‘บอส’ ลูกกระทิงแดง เข้าเกณฑ์ส่งผู้ร้ายข้ามเเดน แจงขั้นตอนไทย-อังกฤษ

นาย ธนกฤต วรธนัชชากุล อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด

วันที่ 28 เมษายน 2560 นายธนกฤต วรธนัชชากุล อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด อธิบายขั้นตอนเรื่องการขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนในคดีที่นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ทายาทผู้ก่อตั้งเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดัง ผู้ต้องหาคดีขับรถชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่ ป. สน.ทองหล่อ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2555 ต่อมาพนักงานอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องและประสานพนักงานสอบสวนขอศาลออกหมายจับ โดยผู้ต้องหามีภาพปรากฏตามสื่อมวลชนว่าพำนักอยู่ต่างประเทศว่า การส่งผู้ร้ายข้ามแดนนั้นสามารถดำเนินการได้ทั้งตามสนธิสัญญาที่ทำระหว่างกัน ส่วนกรณีที่ไม่มีสนธิสัญญาก็อาจขอให้มีการส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้โดยอาศัยหลักถ้อยทีถ้อยปฏิบัติภายใต้เงื่อนไขต่างตอบแทนระหว่างกัน ระหว่างประเทศไทยกับประเทศอังกฤษนั้นมีการทำสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกันไว้ตามประกาศสัญญาว่าด้วยส่งผู้ร้ายข้ามแดนกันในระหว่างกรุงสยามกับอังกฤษ ร.ศ.129

นายธนกฤตกล่าวต่อว่า สนธิสัญญาตามประกาศนี้จะกำหนดประเภทความผิดที่จะส่งผู้ร้ายข้ามแดนให้แก่กันได้ โดยถึงแม้จะไม่ได้กำหนดให้ความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายเป็นความผิดที่ส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้ แต่ตามสนธิสัญญานี้ก็ได้กำหนดข้อยกเว้นไว้ว่า ความผิดอื่นๆ นอกเหนือจากที่สนธิสัญญากำหนดไว้ก็ให้สามารถส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้ ถ้ากฎหมายทั้งสองประเทศกำหนดให้ความผิดนั้นสามารถส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้

“ซึ่งในเรื่องนี้ มาตรา 7 ของพระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ.2551 ของไทย กำหนดให้ความผิดที่จะส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้ต้องเป็นความผิดอาญาตามกฎหมายของทั้ง 2 ประเทศ คือทั้งตามกฎหมายไทยและกฎหมายอังกฤษ และความผิดนั้นต้องมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป ซึ่งความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายนี้เป็นความผิดทั้งตามกฎหมายไทยและกฎหมายอังกฤษ และมีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไปตามกฎหมายของทั้ง 2 ประเทศ จึงเข้าหลักเกณฑ์ที่จะร้องขอให้มีการส่งผู้ร้ายข้ามแดนให้แก่กันได้ภายในอายุความที่กฎหมายกำหนด ซึ่งตามพระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ.2551 มาตรา 5 นั้น กำหนดให้อัยการสูงสุดเป็นผู้ประสานงานกลางในการส่งผู้ร้ายข้ามแดนของฝ่ายไทย” นายธนกฤตกล่าว

นายธนกฤตกล่าวต่อว่า โดยพระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ.2551 มาตรา 30 กำหนดกระบวนการในการร้องขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนไว้ว่า การร้องขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนจากประเทศที่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับประเทศไทยให้ดำเนินการตามสนธิสัญญา แต่หากไม่มีสนธิสัญญา ให้ดำเนินการตามวิธีทางการทูต ดังนั้น การขอให้ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกรณีของนายวรยุทธ จึงต้องปฏิบัติตามสนธิสัญญาระหว่างไทยกับอังกฤษ ซึ่งตามขั้นตอนพนักงานสอบสวนจะต้องไปร้องขอต่อศาลเพื่อขอออกหมายจับ ซึ่งเป็นหลักฐานประกอบที่สำคัญในการขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดน

นายธนกฤตกล่าวอีกว่า โดยการร้องขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนจากประเทศอังกฤษมายังประเทศไทยนี้ จะมีการเสนอเรื่องต่ออัยการสูงสุดที่เป็นผู้ประสานงานกลาง ซึ่งอัยการสูงสุดจะเป็นผู้วินิจฉัยว่าสมควรที่จะจัดทำคำร้องขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนหรือไม่ หากอัยการสูงสุดวินิจฉัยว่าสมควรที่จะจัดทำคำร้องขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนจากประเทศอังกฤษมายังประเทศไทย อัยการสูงสุดจะส่งเรื่องให้พนักงานอัยการ สำนักงานต่างประเทศ จัดทำคำร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนและเอกสารประกอบต่อไป จะมีการส่งคำร้องขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปตามช่องทางการทูตตามที่สนธิสัญญากำหนดไว้ โดยจะต้องส่งคำร้องผ่านกระทรวงการต่างประเทศของไทยและอังกฤษต่อไป

ADVERTISMENT

นายธนกฤตกล่าวถึงช่องทางในการที่จะทราบข้อมูลเกี่ยวกับผู้ต้องหา การสืบหาตัวบุคคลว่า สามารถกระทำได้ตามสนธิสัญญาว่าด้วยความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในเรื่องทางอาญา ซึ่งประเทศไทยได้ทำกับสหราชอาณาจักรและกับประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศไว้ เพื่อสืบว่านายวรยุทธอยู่ที่ไหน ส่วนการจับกุมตัวตามหมายจับของศาลในคำร้องขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนเรื่องนี้จะเชื่อมโยงกับการประสานงานขอความร่วมมือผ่านไปยังเครือข่ายของตำรวจสากลหรืออินเตอร์โพล (องค์กรตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ) ขั้นตอนตรงนี้เป็นหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องดำเนินการและประสานขอความร่วมมือไปยังเครือข่ายของตำรวจสากลในประเทศที่พบตัวนายวรยุทธ เพื่อประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในประเทศนั้นจับกุมตัวมาเข้าสู่กระบวนการส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป โดยศาลของประเทศที่รับคำร้องขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดน จะเป็นผู้มีอำนาจพิจารณาชี้ขาดว่าจะให้มีการส่งผู้ร้ายข้ามแดนหรือไม่

“สำหรับเรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามแดนนี้จะมีความยุ่งยาก ถ้าผู้ที่ถูกขอให้ส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง เดินทางไปมาในหลายๆ ประเทศอยู่เรื่อยๆ จะทำให้ไม่มีความชัดเจนว่าควรจะร้องขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปยังประเทศใดดี และจะทำให้การจับกุมตัวตามหมายจับประสบความยากลำบากด้วย” อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุดกล่าว