ผบ.เรือนจำฯเพชรบูรณ์แจงเหตุสุดวิสัยหลังผู้ต้องขังหญิงหลบหนีออกจากโรงพยาบาลหลังคลอดลูก

ผบ.เรือนจำฯเพชรบูรณ์แจงเหตุสุดวิสัยหลังผู้ต้องขังหญิงหลบหนีออกจากโรงพยาบาลหลังคลอดลูก ส่วนเด็กทารกมารดาผู้หลบหนีรับไปดูแลแล้ว ด้านรองผู้การฯให้ญาติช่วยกล่อมให้มอบตัวเพื่อเห็นแก่ลูกที่เพิ่งลืมตาดูโลกและเกรงแผลผ่าตัดติดเชื้อ

เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม นางอาจารี ศรีสุนาครัว ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวถึงความคืบหน้าในการติดตามผู้ต้องขังหญิงพูลศรี พลธานี อายุ 25 ปี ซึ่งต้องคดียาเสพติด ได้หลบหนีออกจากโรงพยาบาลเพชรบูรณ์ระหว่างนอนพักรักษาตัวภายหลังคลอดบุตรว่า ขณะนี้ก็ยังติดตามตัวผู้ต้องขังหญิงรายนี้ไม่พบ โดยเฉพาะล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมาทั้งตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครองในท้องที่และในชุมชนรวมทั้งเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ก็ยังมีการสนธิกำลังกันค้นหาแต่ก็ยังไม่พบผู้ต้องขังหญิงรายดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ก็ยังคงต้องปฏิบัติติดตามตัวต่อไป นอกจากนี้ ก็มีการแจ้งความดำเนินคดีตามขั้นตอนไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนในท้องที่ภูมิลำเนาของผู้หลบหนีที่ อ.หนองไผ่ รวมทั้งในพื้นที่ที่มีเบาะแสน่าสงสัย นอกจากจะให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ลงไปติดตามค้นหาแล้ว ก็ได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ให้ช่วยติดตามเช่นกันก็ไม่ยังพบเช่นกัน

นางอาจารีกล่าวว่า ส่วนเบาะแสที่เรื่องภาพจากกล้องวงจรปิดกรณีพบชายต้องสงสัย อาจจะเป็นคนพาหลบหนีนั้น ก็คงต้องให้เป็นเรื่องพนักงานสอบสวน แต่ทางเรือนจำก็มีข้อมูลว่าผู้ต้องขังหญิงรายนี้หลังหลบหนีออกจากโรงพยาบาลแล้วก็นั่งรถสามล้อรับจ้างไปเพื่อจะไปขอเงินเป็นกลุ่มเพื่อนที่ ต.นาป่า ก็ยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าเป็นใครเพียงแต่อยู่ในชั้นแค่สงสัยเท่านั้น ส่วนลูกชายที่ผู้ต้องขังคลอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาล หลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำกลับมาดูแลก่อน และภายหลังทางมารดาของผู้ต้องขังหญิงรายนี้ได้นำหลักฐานว่าขอรับไปอุปการะดูแล เมื่อตรวจสอบแล้วจึงได้มอบทารกให้มารดาของผู้ต้องขังที่หลบหนีไป เนื่องจากทารกไม่ใช่ผู้ต้องโทษและตามหลักสากลทางเจ้าหน้าที่ก็ต้องดูแลตามหลักสิทธิมนุษยธรรม โดยเฉพาะหากทางญาติสามารถจะรับดูแลได้ก็จะต้องส่งมอบเด็กทารกดังกล่าวให้ไป และตอนนี้ก็ส่งมอบไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้ (30 เม.ย.)

ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดเพชรบูรณ์กล่าวอีกว่า สำหรับผู้ต้องขังหญิงที่หลบหนีเนื่องจากผ่าคลอด จึงต้องนอนพักรักษาอาการที่โรงพยาบาลก่อน กระทั่งผ่านไป 4 วันแผลผ่าตัดและอาการเริ่มดีขึ้นแพทย์จึงอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้ ช่วงเกิดเหตุผู้หลบหนีได้ขอไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าและให้ไปทำความสะอาดลูก ทางเจ้าหน้าที่จึงปลดเครื่องพันธนาการให้พร้อมเฝ้าอยู่ด้านนอก แต่หลังจากเห็นเงียบหายไปนานผิดปกติราวครึ่งชั่วโมงจึงเข้าไปตรวจสอบ กระทั่งพบผู้ต้องขังหญิงรายนี้ได้หลบหนีไปออกทางประตูด้านข้างแล้วซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นเหตุสุดวิสัย แต่ทั้งนี้ขั้นตอนต่อไปก็จะต้องตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

Advertisement

“ตามระเบียบหากมีผู้ต้องขังถูกนำตัวออกด้านนอก โดยเฉพาะจำเป็นต้องนำออกไปโรงพยาบาล ก็จะมีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ติดตามไปควบคุมดูแลจำนวน 2 คนต่อผู้ต้องขัง 1 คนและจะมีการผลัดเปลี่ยนเวรกันสองผลัดทั้งกลางวันและกลางคืน อย่างไรก็ตาม แม้ภายในเรือนจำจะมีสถานพยาบาลก็ตาม แต่ไม่มีแพทย์ประจำและอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ไม่ครบครัน เมื่อผู้ต้องขังป่วยหนักก็จะต้องนำตัวส่งไปรักษาพยาบาลยังสถานพยาบาลภายนอก ซึ่งเป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยธรรมสากลในเบื้องต้น และที่ผ่านมาก็มีกรณีผู้ต้องขังผ่าตัดถูกส่งไปโรงพยาบาลบ่อยครั้ง ซึ่งกรณีของผู้ต้องขังหญิงรายนี้ก็เช่นกัน” นางอาจารีกล่าว

ด้าน พ.ต.อ.ฐเดช กล่อมเกลี้ยง รอง ผบก.ภ.จว.เพชรบูรณ์ กล่าวว่า หลังได้รับแจ้งประสานทาง สภ.เมืองเพชรบูรณ์ก็จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งชุดสืบสวนและชุด ปส. ออกติดตามค้นหาและหาเบาะแสอย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ว่าหากยังไม่หลบหนีออกจากพื้นที่ก็คงจะพบตัว อย่างไรก็ตาม เวลานี้ก็พยายามแจ้งบอกทั้งญาติและกลุ่มเพื่อนให้ช่วยเกลี้ยกล่อมผู้ต้องขังหญิงรายนี้ให้มอบตัว น่าจะเป็นหนทางออกที่ดีที่สุดเพราะต้องโทษไม่นาน และบาดแผลที่ผ่าตัดก็ยังต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง เกรงว่าหากติดเชื้อจะทำให้สถานการณ์ยิ่งย่ำแย่ลงไปกว่านี้อีก นอกจากนี้ ลูกของผู้ต้องขังหญิงรายนี้ก็เป็นทารกแรกเกิดต้องได้รับการดูแลจากแม่เป็นพิเศษ ฉะนั้น จึงอยากให้เห็นแก่ลูกชายน่าจะออกมามอบตัวน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด

ข่าวแจ้งว่า นางพูลศรี พลธานี อายุ 25 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่หมู่ 13 ต.เพชรละคร อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ โดยเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2560 ถูกจับกุมดำเนินคดีครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย ต่อมาศาลชั้นต้นพิพากษาความผิดโทษจำคุก 3 ปี 6 เดือน อยู่ระหว่างอุทรณ์ ฎีกา ส่วนเบาะแสและเส้นทางหลบหนีซึ่งเหตุเกิดเมื่อเวลาราว 11.00 น. วันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากผู้ต้องขังพูลศรีได้หลบหนีจากการควบคุมของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่โรงพยาบาลเพชรบูรณ์แล้ว ได้นั่งสามล้อรับจ้างไปหาชายซึ่งเป็นเพื่อนใกล้ชิดชื่อเล่น “เกมส์” ที่ตำบลนาป่า อ.เมืองเพชรบูรณ์ จากนั้นมีการพาหลบหนีโดยใช้รถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟีโน่ สีน้ำเงิน-ดำ หมายเลขทะเบียน ขตจ 357 เพชรบูรณ์ เป็นพาหนะ ต่อมานางอินทิรา ผาสุก เจ้าของรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวได้เข้าแจ้งตำรวจ สภ.เมืองเพชรบูรณ์ ว่ารถจักรยานยนต์ถูก “เกมส์” ยืมไปและยังไม่ถูกส่งคืน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image