เจ้าสัวบุญชัย เผยน้อมนำหลักคำสอนร.9 “การประมาณตน-ไม่ทะเยอทะยาน” ใช้ในชีวิต

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 180 ประชาชนจากทั่วทุกสารทิศต่างเดินทางมาต่อแถวรอกราบถวายสักการะอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งใช้โอกาสเนื่องในวันหยุดแรงงานเข้าถวายสักการะด้วย ทั้งนี้ ทางสำนักพระราชวังเปิดประตูวิเศษไชยศรีให้ประชาชนเข้าตั้งแต่เวลา 04.45 น. จากเปิดปกติเวลา 08.00 น.ขณะที่บริเวณหน้าประตูสรีสุนทร ตั้งอยู่ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งเป็นประตูทางออกของพสกนิกรหลังกราบสักการะพระบรมศพ การนี้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ฯ นำอาหาร ขนม ของว่าง และน้ำดื่มพระราชทานมาแจกจ่ายให้ประชาชน อาทิ ข้าวไก่ทอด ข้าวแกงกะหรี่ไก่ เส้นเล็กต้มยำแห้ง ไก่คั่ว ยำหมู ปลากระพงราดน้ำปลา ผัดหมี่ เฉาก๊วยชากังราวและมีน้ำดื่มให้บริการตลอดทั้งวัน

นอกจากนี้ บริเวณด้านหน้ากำแพงพระบรมมหาราชวัง เยื้องประตูเทวาภิรมย์ กลุ่มดอกไม้รักพ่อร่วมกับจิตอาสามาจัดลานดอกไม้เพื่อให้ประชาชนที่มากราบพระบรมศพและนักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ซึ่งได้นำดอกไม้ อาทิ กล้วยไม้แวนด้า ดาวเรือง กุหลาบ ฯลฯ วางเป็นตัวอักษรยาวตลอดแนวกำแพง โดยมีประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ผ่านไปมาต่างให้ความสนใจถ่ายรูปเป็นที่ระลึก

นายบุญชัย เบญรงคกุล ในฐานะประธานกรรมการบริษัทเบญจจินดา โฮลดิ้ง เปิดเผยความรู้สึกหลังเป็นเจ้าภาพร่วมบำเพ็ญกุศลพระบรมศพ ว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่มีโอกาสเข้ากราบพระบรมศพ ซึ่งเป็นโอกาสเดียวที่ได้เข้าเฝ้าฯพระองค์อย่างใกล้ชิด งานพระราชพิธีในวันนี้นับเป็นความอาลัยอย่างสุดซึ้ง ส่วนโครงการพระราชดำริและแนวทางคำสอนที่ได้น้อมนำมาใช้ในหน้าที่การงาน อันดับแรกตนได้มีบริษัทร่วมด้วยช่วยกัน และบริษัท สำนึกรักษ์บ้านเกิด ซึ่งตลอดระยะเวลา 20 ปีนี้เราได้มีแนวทางในการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการเกษตรให้แก่เกษตรกร และได้นำมาต่อยอดสู่โครงการเกษตรกรดีเด่นประจำปี ซึ่งดำเนินมาแล้วกว่า 8 ปี ตลอดจนมีการมอบทุนการศึกษาให้แก่เยาวชนกลับไปตอบแทนบ้านเกิดกว่า 1,000 คนได้เสร็จสิ้นโครงการไปแล้วและมีผลตอบรับที่ดี เยาวชนส่วนหนึ่งกลับไปพัฒนาบ้านเกิดของตน นับเป็นความภาคภูมิใจยิ่ง

Advertisement

นายบุญชัย กล่าวอีกว่า นอกจากนี้สำหรับชีวิตประจำวัน ตนยังได้น้อมนำแนวทางที่พระองค์พระราชทานในเรื่องของการรู้จักประมาณตน แม้กระทั่งในบริษัทก็ได้ยึดหลักชัดเจนว่า จะไม่กู้ยืมเงินจากธนาคารแต่อย่างใด แต่เราจะใช้ทุนทรัพย์ที่มีอยู่เพื่อให้เกิดประโยชน์ไปพร้อมกัน ทั้งนี้จะไม่ทะเยอทะยานจนเกินไป ส่วนชีวิตในครอบครัวพยายามเดินตามรอยพระองค์ ยึดพระองค์เป็นต้นแบบของครอบครัว โดยใช้ทุกอย่างอย่างประหยัดและพอเพียง ใช้ของอัตภาพแม้จะมีมากก็ต้องใช้ตามศักยภาพของตนและสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การช่วยเหลือผู้คน โดยทางบริษัทยังได้จัดเต๊นท์คอยบริการประชาชนที่เข้ามากราบพระบรมศพด้วย ในชื่อเต๊นท์ “ร่วมด้วยช่วยกัน” โดยมีอาสาสมัครช่วยบริการน้ำดื่มและดูแลประชาชน โดยมีความตั้งใจว่าจะช่วยเหลือประชาชนจนถึงวันถวายเพลิงพระบรมศพในเดือนตุลาคมนี้

“ถ้าทุกท่านมีโอกาสได้เดินทางมากราบพระบรมศพของในหลวงรัชกาลที่ 9 หมายความว่าท่านจะมีโอกาสได้แสดงถึงความกตัญญูกตเวทีที่มีต่อพระองค์ที่ทรงครองราชย์มากว่า 70 ปีแล้ว ท้ายสุดหวังว่าประชาชนชาวไทยจะรักใคร่สามัคคีเป็นหนึ่งเดียว” นายบุญชัยกล่าว

Advertisement

นางชุติมา เตียวตระกูล อายุ 56 ปี เดินทางมาพร้อมสามี นายยาค็อป ซาปรุสกี้ อายุ 71 ปีจากประเทศออสเตรเลีย โดยนางชุติมา เปิดเผยความรู้สึกภายหลังเข้าถวายสักการะพระบรมศพว่า อยากมากราบพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9 นานแล้วเพราะพระองค์คือพ่อของเรา ก็คิดว่าถ้าไม่ได้กลับมาไทยเพื่อกราบท่านสักครั้ง ตนคงเสียใจมาก จากนั้นก็วางแผนเดินทางกลับมายังประเทศไทย เดิมทีมีความตั้งใจอยากเดินทางมาในวันถวายเพลิงศพ แต่ในช่วงนั้นตนไม่สามารถเดินทางกลับมาได้ จึงใช้เวลาช่วงนี้กลับมาแทน ส่วนวันนี้นับเป็นครั้งแรกที่ตนและสามีเดินทางมากราบพระบรมศพ พวกเราเดินทางมาแต่เช้าตรู่เห็นบรรยากาศของประชาชนยังนึกว่าผ่านไปหลายร้อยวันแล้ว ประชาชนยังคงเดินทางมาอย่างต่อเนื่อง นับเป็นความภูมิใจที่ได้เห็นพสกนิกรต่างจงรักภักดี ส่วนการจัดระบบระเบียบก็เป็นไปอย่างเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ให้การแนะนำและบริการประชาชนเป็นอย่างดี โดยเฉพาะผู้สูงอายุและผู้พิการที่รถเข็นบริการเป็นอย่างดี

“บรรยากาศบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เบื้องหน้าพระบรมโกศนั้น สวยงามเหลืองอร่ามมาก ปกติเห็นแต่ภาพถ่ายตามข่าวโทรทัศน์ ทำให้ดิฉันซาบซึ้งใจมาก หากไม่ได้มาคงเสียใจจริงๆ เพราะอีกอย่างดิฉันก็เกิดในรัชกาลที่ 9 ทั้งนี้หากเล่าย้อนกลับไปก่อนพระองค์เสด็จสวรรคต ดิฉันก็ติดตามข่าวสารขณะอยู่ที่ออสเตรเลียมาโดยตลอด ทั้งพระราชกรณียกิจ ข่าวในพระราชสำนัก แม้พระองค์ทรงมีพระอาการประชวรก็ติดตามข่าวสารเรื่อยมา จนกระทั่งพระองค์เสด็จสวรรคตก็ได้ไปร่วมไว้อาลัยกับคนไทยที่อยู่นครเมลเบิร์นในวัดวาอาราม ส่วนเรื่องของโครงการประทับใจและนำไปใช้ในชีวิตประจำวันคือ เรื่องความพอเพียง พยายามใช้และอยู่อย่างประหยัดตามศักยภาพที่พึงมี อีกทั้งดิฉันยังปลูกพริกไว้ทำกับข้าวกินเองด้วย เนื่องจากพริกที่ต่างประเทศแพงมาก นั่นหมายความว่าสิ่งใดที่ดิฉันสามารถทำเองได้ก็ทำตามวิถีพอเพียง” นางชุติมาเล่า

นางชุติมา เตียวตระกูล พร้อมสามี นาย Yakob Zaprudsky

ส่วนนายยาค็อป กล่าวว่า รู้จักพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชจากภรรยา โดยส่วนหนึ่งเธอได้เล่าให้ฟังถึงพระราชกรณีกิจต่างๆ และอีกส่วนตนก็ติดตามข่าวสาร ทำให้ตนรู้จักพระองค์ รู้ว่าพระองค์ทรงงานหนัก ในด้านใดบ้าง โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าการทรงงานนั้นเพื่อประชาชน ยิ่งทำให้ตนเคารพและรักพระองค์มากและไม่คิดว่าพระองค์จะจากไปรวดเร็วขนาดนี้ ทั้งนี้ ตนก็เข้าใจได้ว่าประชาชนชาวไทยเสียใจต่อการจากไป อย่างไรก็ตาม แม้ท่านได้จากไปแล้วตนก็อยากให้ประชาชนคนไทยรวมถึงคนในต่างแดนปฎิบัติตามในหลวงรัชกาลที่ 9 เพราะสิ่งที่ท่านปฎิบัตินั้นนับเป็นต้นแบบในการชีวิตและหลายๆ อย่าง

ขณะที่พนักงานบริษัททั่วไปอย่าง น.ส.นิลพันธุ์ อภิวัฒนพร อายุ 40 ปี เดินทางมาพร้อมเพื่อนสาว น.ส.นริสา มโนเจริญ อายุ 41 ปี โดยน.ส.นิลพันธุ์ กล่าวว่า สำหรับความรู้สึกเมื่อเข้าไปสักการะพระบรมศพในวันนี้ ทำให้ตนระลึกถึงพระองค์ สิ่งที่พระองค์ทรงทำเพื่อคนไทยมาตลอด ภาพเหล่านั้นได้ลอยเข้ามาในความรู้สึกของตน ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้เดินทางมา แม้ตนและเพื่อนอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ แต่ก็ไม่มีเวลาเดินทางมามากนักเพราะต่างติดธุระที่ทำงานและธุระของครอบครัวและถือโอกาสใช้วันหยุดแรงงานในวันนี้เพื่อเป็นโอกาสกราบสักการะเป็นครั้งสุดท้าย

“ตอนก้มกราบพระบรมศพก็ขอให้พระองค์สู่สวรรคาลัย เพราะพระองค์ได้เหนื่อยเพื่อคนไทยมามากแล้ว ส่วนโครงการที่ประทับใจได้ประทับใจหลายโครงการ อย่างโครงการหลวงส่วนพระองค์ที่ดอยอ่างขาง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ก็เป็นโครงการที่เกิดขึ้นจากพระราชดำริของพระองค์ ซึ่งเป็นโครงการที่ไม่ได้ช่วยให้ชาวบ้านมีอาชีพเพียงครั้งเดียว แต่เป็นการช่วยเพื่อให้ชาวบ้านมีชีวิตต่อได้ โดยช่วยสร้างงานสร้างอาชีพให้ชาวเขาและคนบนดอย กระทั่งในวันที่พระองค์จากไปแล้วนับเป็นการทำประโยชน์อย่างยั่งยืน และสิ่งที่ตนนำมาปรับมาใช้ในชีวิตประจำวันก็การทำอะไรไม่เกินตัว ความประหยัดและมัธยัสถ์เป็นสิ่งสำคัญ และในวันถวายพระเพลิงพระบรมศพก็มีความตั้งใจอยากมาอีก” น.ส.นิลพันธุ์กล่าว

น.ส.นริสา มโนเจริญ-น.ส.นิลพันธุ์ อภิวัฒนพร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image