‘ปิยะสกล’ หารือ ‘วิษณุ’ ถกทางออกจัดซื้อยารวม สปสช. หลัง คตร.ทักท้วง

เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการแก้ไขตามที่คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) เคยทักท้วงการจัดซื้อยาของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กรณีจัดซื้อยาจำเป็นที่มีราคาแพงว่า ไม่สามารถจัดซื้อได้ ว่า ตนได้เข้าหารือกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งต้องยึดหลักไม่กระทบต่อการใช้ยาของประชาชน ดังนั้น ในปีนี้ก็ให้ สปสช. ดำเนินการไป แต่ต้องรวบรวมข้อมูล เอกสารรายงานทั้งหมดให้โปร่งใส ว่า ยาซื้อไปจำนวนเท่าไหร่ ใช้งบเท่าไหร่ต้องแจ้งให้หมด และเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบ

“ส่วนปี 2561 ให้ตั้งคณะกรรมการร่วม 5 ส่วน คือ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) สปสช. องค์การเภสัชกรรม (อภ.) โรงพยาบาลสังกัดคณะแพทยศาสตร์ และกระทรวงกลาโหม ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้จะมีปลัด สธ. เป็นประธาน มาดูเรื่องการจัดซื้อยาดังกล่าว ซึ่งยาส่วนนี้เพียง 4.9 % ของยาทั้งประเทศ เหมือนจะไม่มาก แต่ด้วยการซื้อยาที่จำเป็น ทำให้ใช้งบประมาณสูงราว 9,000-10,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการชุดนี้จะต้องมีกระบวนการจัดซื้อตั้งแต่ปีนี้ เพื่อให้สามารถสั่งซื้อได้ภายในปีหน้า และในปี 2562 ก็ต้องชัดเจนยิ่งขึ้น เพราะปี 2561 งานตรงนี้จะให้โอนกลับมาที่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้เป็นแกนกลางในการทำงาน แต่ต้องมีสปสช. และทุกภาคส่วนร่วมมือกันเหมือนเดิม” นพ.ปิยะสกล กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ต้องดำเนินการตรงจุดนี้ เป็นเพราะสปสช.ไม่มีอำนาจตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 หรือไม่ นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า กฎหมายไม่ได้กำหนดให้ สปสช.จัดซื้อได้ แต่ก็ทำมา 9 ปีแล้ว ดังนั้น ต้องทำให้ถูกต้อง

เมื่อถามว่า ก่อนหน้านั้นมีคนท้วงติงไม่ให้ สธ.เป็นเจ้าภาพเรื่องนี้ นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า เจ้าภาพหรือไม่ ตนไม่รู้หรอก แต่เป็นคณะกรรมการ และคำว่าเจ้าภาพคือ ถึงจุดหนึ่งก็ต้องทำให้ถูกตามกฎหมายนั่นเอง

Advertisement

นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า เดิมที คตร.เคยทักท้วงมาว่า ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ แต่หากเพื่อประโยชน์ของประชาชนก็สามารถดำเนินการได้ แต่อาจต้องแก้ พ.ร.บ.ฯ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ รัฐมนตรีว่าการ สธ.ให้ความสำคัญ และมีนโยบายให้ร่วมมือกันกับทุกภาคส่วน ทั้ง สปสช. สธ. อภ. โรงเรียนแพทย์ และกระทรวงกลาโหม ในการจัดซื้อยากลุ่มนี้ เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนที่สุด โดยเน้นย้ำว่า ต้องไม่กระทบต่อประชาชน กล่าวคือ การทำอะไรประชาชนจะต้องได้รับสิทธิตามเดิมหรือดีกว่าเดิม ดังนั้น ในปีนี้ สปสช.ก็ยังจัดซื้อยาตามรูปแบบเดิม แต่ในปี 2561 ก็จะทำงานผ่านคณะกรรมการร่วมทุกฝ่าย แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม สปสช.จะให้ความร่วมมือในการทำงานตรงนี้

“สำหรับยากลุ่มนี้แม้มีสัดส่วนไม่มาก แต่งบประมาณอยู่ที่ราวหมื่นล้านบาท เนื่องจากเป็นยาที่มีจำนวนการใช้ไม่มาก แต่มีความจำเป็นสูง ทั้งยาต้านพิษ รวมไปถึงวัคซีน ที่โรงพยาบาลจัดซื้อเองไม่ได้ เพราะจะต้องมีเรื่องการจัดเก็บ การควบคุมคุณภาพ จึงต้องเป็นส่วนกลางจัดซื้อและกระจายผ่านโรงพยาบาลใหญ่เป็นเครือข่ายจัดส่งต่อนั่นเอง” นพ.ศักดิ์ชัยกล่าว

น.ส.กรรณิการ์ กิจติเวชกุล กรรมการ สปสช. กล่าวว่า ระบบเดิมดีอยู่แล้ว ทำไมจึงต้องมีการเปลี่ยนแปลงระบบทำไมไม่ให้สปสช.ดำเนินการต่อไป และหากจะดำเนินการปรับปรุง ก็ควรจะเพิ่มในเรื่องการต่อรองราคายาในกองทุนที่เหลืออีก 2 กองทุน คือ กองทุนประกันสังคมและกองทุนสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ เพื่อที่ให้ 2 กองทุนที่เหลือได้ซื้อยาราคาไม่แพงเกินไปด้วย

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image