รองแม่ทัพภาค 1 คุยป้อมมหากาฬ ย้ำคิดถึงใจชาวบ้าน กทม.นัดถกปมคุณค่า 20 พ.ค. ยัน 2 เดือนต้องจบ

รองแม่ทัพภาค 1 ลงพื้นที่ ย้ำคิดถึงใจชาวบ้าน แต่ขอให้ยอมรับผลเจรจา-กทม.ยัน 2 เดือนต้องจบ นัดถก 20 พ.ค.นี้-ลุยปรับภูมิทัศน์เป็นสวน-หารือกรมศิลป์บูรณะป้อมมหากาฬ

เมื่อวันที่ 5 พ.ค. เวลาประมาณ 14.30 น. ที่ชุมชนป้อมมหากาฬ เขตพระนคร กรุงเทพฯ พล.ต.ธรรมนูญ วิถี รองแม่ทัพภาคที่ 1 พร้อมคณะเดินทางมารับฟังปัญหาเกี่ยวกับการรื้อถอนบ้านในชุมชนที่ยืดเยื้อมานานถึง 24 ปี โดยมีพันโทโชคดี อัมพรดิษฐ์ ผู้บังคับการกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ เป็นผู้บรรยายถึงความเป็นมาของปัญหา และสถานการณ์ในปัจจุบัน นอกจากนี้ มีตัวแทนจากภาคส่วนต่างๆของกรุงเทพมหานครเข้าร่วมด้วย

นายยุทธพันธุ์ มีชัย เลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ขณะนี้ขั้นตอนอยู่ในระหว่างการพิสูจน์คุณค่า โดยบ้านที่จะได้รับการอนุรักษ์ไว้ ต้องประกอบด้วยคุณค่าทั้ง 5 ด้านครบถ้วน ไม่ใช่ด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น ได้แก่ 1. คุณค่าด้านประวัติศาสตร์ 2. ด้านศิลปะ สถาปัตยกรรม และผังเมือง 3. ด้านสังคม วิถีชีวิต 4. ด้านโบราณคดีและการตั้งถิ่นฐาน 5. ด้านวิชาการ โดยจะมีการนัดหมายเพื่อให้นักวิชาการนำเสนอข้อมูลในวันที่ 20 พ.ค. นี้ และกำหนดเวลาไว้ว่าจะต้องได้ข้อยุติภายใน 1 เดือน ขยายเวลาให้เต็มที่ได้อีก 1 เดือน สรุปคือ ภายใน 2 เดือนต้องเสร็จสิ้น ขอยืนยันว่าตนไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำ แต่สังคมไทยใช้ความรู้สึกปะปนกับความคิดเห็น ต้องมีคำตอบให้ได้ว่าบ้านที่จะเก็บไว้มีคุณค่าอย่างไรกับประเทศชาติ กับกรุงเทพมหานครและกับชุมชนเอง ไม่ใช่ใช้แค่ความรู้สึกหรือไสยศาสตร์

Advertisement

นายยุทธพันธ์ ยังกล่าวอีกว่า นอกเหนือจากชุมชนแล้ว กทม.มีแนวคิดที่จะบูรณะป้อมมหากาฬ ซึ่งเป็นโบราณสถานสำคัญ โดยจะขอความเห็นชอบจากกรมศิลปากร จากนั้น กทม.จะอนุมัติงบประมาณในการดำเนินการต่อไป


นายสมชัย ถนอมวาจามั่น ตัวแทนจากสำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ขณะนี้กำลังเตรียมดำเนินการปรับภูมิทัศน์พื้นที่ทางทิศใต้ของชุมชนป้อมมหากาฬในส่วนที่มีการรื้อถอนบ้านไปแล้ว หลงเหลือเป็นพื้นที่โล่ง โดยจะนำต้นไม้ไทยมาปลูก เพื่อให้เข้ากับความเป็นโบราณสถาน อาทิ ต้นพิกุล และต้นแก้ว นำเก้าอี้ และม้านั่งมาจัดวางเพื่อให้เป็นที่พักผ่อน ชมทิวทัศน์ มีการสร้างทางเดิน โดยจะไม่ตัดต้นไม้ใหญ่ที่มีอยู่เดิม ซึ่งในงานส่วนนี้สามารถดำเนินการได้ทันที ไม่ต้องรอข้อยุติจากการเจรจา

จากนั้น พล.ต.ธรรมนูญ และคณะได้เดินชมพื้นที่ที่จะปรับภูมิทัศน์ รวมถึงบ้านในชุมชน โดยมีนายธวัชชัย วรมหาคุณ ประธานชุมชนนำชม และอธิบายถึงความสำคัญของบ้านแต่ละหลัง ระหว่างนั้น นางสมพร อาปะนนท์ หรือ ป้าเฮง อายุ 76 ปี เจ้าของบ้านเลขที่ 169 ได้นำช่อดอกไม้มามอบให้ พล.ต.ธรรมนูญ พร้อมขอร้องให้ช่วยเหลือตนให้ได้อยู่อาศัยต่อไป โดยเล่าวว่า ครอบครัวเปิดเป็นร้านขายของชำมานานหลายชั่วอายุคน ขณะนี้เป็นบ้านที่เหลืออยู่เพียงหลังเดียวของพื้นที่ด้านติดคลองหลอดวัดเทพธิดาราม พล.ต.ธรรมนูญ ได้สอบถามถึงชีวิตความเป็นอยู่ และพูดคุยกันเป็นเวลาหลายนาที นอกจากนี้ กลุ่มแม่บ้านและเด็กในชุมชนได้นำของที่ระลึกมามอบให้ด้วย จากนั้น ได้เยี่ยมชมบ้านโบราณบริเวณลานกลางชุมชน ซึ่งปัจจุบันจัดเป็นพิพิธภัณฑ์

Advertisement

พล.ต.ธรรมนูญ กล่าวว่า ทางรัฐบาลได้มอบหมายให้ตนเข้ามาดูแลเรื่องนี้ โดยต้องช่วยหาทางออกให้ชาวบ้านซึ่งมีรายได้น้อย ต้องมีการพูดคุยประเด็นต่างๆให้ชัดเจน อย่างไรก็ตาม หากผลการพิสูจน์คุณค่าและผลของการเจรจาร่วมออกมาเป็นอย่างไร ก็ขอให้ทางชุมชนยอมรับ รวมถึงฝากให้ประธานชุมชนกระจายข่าวต่อชาวบ้านในส่วนนี้ด้วย พล.ต.ธรรมนูญ ยังกล่าวให้ทุกฝ่ายพูดคุยกัน โดยย้ำกับตัวแทนกทม.รวมถึงทหารที่เข้าประสานในพื้นที่ว่า การดำเนินการใดๆ ขอให้คิดเสมอว่าหากเราเป็นชาวบ้านจะรู้สึกอย่างไร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image