จากกรณี นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการและเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารกสิกรไทย ผู้รับผิดชอบโครงการ “รักษ์ป่าน่าน” แสดงความกังวลว่าโครงการฯ ไม่ค่อยประสบผลสำเร็จ จากสาเหตุที่สถานการณ์การตัดไม้ทำลายป่าเพื่อปลูกข้าวโพดใน จ.น่าน ยังขยายพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยปัญหาส่วนหนึ่งมาจากระบบราชการไม่ให้ความสำคัญและไม่มีการบูรณาการ ทำงานแบบผักชีโรยหน้า นั้น
วันที่ 5 พฤษภาคม นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า ข่าวดังกล่าว กรมอุทยานแห่งชาติ ได้ติดตามตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ป่าไม้ในพื้นที่ จ.น่าน โดยใช้ภาพถ่ายดาวเทียม (ไทยโชติ) พบว่า ในปี พ.ศ. 2551 เฉพาะ จ.น่าน มีพื้นที่ป่าประมาณ 5,103,550 ไร่ ในปี พ.ศ. 2557 มีพื้นที่ป่าประมาณ 4,659,641 ไร่ ล่าสุดในปี พ.ศ. 2559 มีพื้นที่ป่าประมาณ 4,658,605 ไร่ ซึ่งปรากฏข้อเท็จจริงว่าการลดลงของพื้นที่ป่าใน จ.น่าน มีจำนวนที่น้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ กล่าวคือในช่วงระหว่างปี 2551 – 2557 เฉลี่ยลดลงปีละ 70,000 ไร่ แต่เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับช่วงที่รัฐบาลยุคปัจจุบันเข้ามาบริหารงาน จะเหลือเพียงปีละ 300 กว่าไร่
อธิบดีกรมอุทยานฯกล่าวว่า สำหรับกรณีมีข้อกล่าวหาว่า หน่วยงานราชการไม่ให้ความสำคัญกับปัญหา ไม่มีการทำงานแบบบูรณาการ และทำงานแบบผักชีโรยหน้านั้น ขอเรียนชี้แจงว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.)ชุดปัจจุบัน ได้มีมติเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2558 เรื่อง การจัดการป่าต้นน้ำเสื่อมสภาพบนพื้นที่สูงชัน เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงาน ร่วมบูรณาการแก้ไขปัญหาการบุกรุกตัดไม้ทำลายป่าต้นน้ำเสื่อมสภาพบนพื้นที่สูงชัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ปลูกข้าวโพดเดิม สำหรับในส่วนความรับผิดชอบของกรมอุทยานแห่งชาติ ได้จัดตั้งศูนย์และหน่วยฟื้นฟูป่าต้นน้ำในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่รับผิดชอบทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 221 ศูนย์ (990 หน่วย) เฉพาะในพื้นที่ จ.น่าน มีถึง 9 ศูนย์ (313 หน่วย) เพื่อให้ทำหน้าที่ปลูกฟื้นฟูป่าต้นน้ำ ปลูกหญ้าแฝกเพื่ออนุรักษ์ดินและน้ำ ส่งเสริมการปลูกไม้ท้องถิ่น และส่งเสริมและพัฒนาการมีส่วนร่วมของชุมชนในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ โดยมีเครือข่ายประชารัฐภาคประชาชนที่ให้การสนับสนุนถึง 41 เครือข่าย วางมาตรการให้คนอยู่กับป่าอย่างยั่งยืน
