เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ที่โรงแรมเดอะทวิน ทาวเวอร์ กรุงเทพฯ นายไมตรี อินทุสุต ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุม “ประชารัฐร่วมใจ…ต้านภัยค้ามนุษย์” ครั้งที่ 7 โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ และองค์กรภาคประชาสังคม เข้าร่วมประชุม ว่า พม.ได้หารือร่วมกับภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุด กระทรวงแรงงาน กระทรวงการต่างประเทศ และภาคประชาสังคม เพื่อรวมพลังในการเร่งขับเคลื่อนการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะแนวการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนและเป็นไปในแนวทางเดียวกัน
ปลัด พม.กล่าวอีกว่า โดยที่ประชุมได้หารือถึงความหมายของการค้ามนุษย์ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2560 ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมา เนื่องจากพบว่ามีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนระหว่างคำว่า “การค้ามนุษย์” กับ “การค้าประเวณี” คือโดยการค้ามนุษย์ เป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากบุคคล โดยเฉพาะจากผู้หญิง เด็กหญิง และเด็กชาย ไม่ว่าจะสมัครใจหรือไม่ก็ตาม มีนายหน้าเป็นธุระ จัดหา ชักชวน หรือถูกหน่วงเหนี่ยว กักขัง ถ้าเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ถึงแม้จะไม่มีสภาพถูกกักขัง ทำร้ายร่างกาย หรือบังคับให้ค้าประเวณี ก็ถือว่าเป็นการค้ามนุษย์ ส่วนการค้าประเวณี เป็นเรื่องของการสมัครใจขายบริการทางเพศของบุคคลอายุ 18 ปีขึ้นไป โดยการตกลงกันของทั้งสองฝ่าย ไม่มีการกักขัง หน่วงเหนี่ยว
ทั้งนี้ หากเป็นการกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ จะเข้าข่ายการบังคับใช้ตามกฎหมายค้ามนุษย์ที่ได้เพิ่มบทลงโทษหนักขึ้น และหากเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง โทษจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าแล้วแต่ฐานความผิด และขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในการดำเนินคดีของไทยว่าจะมีความโปร่งใสและเป็นธรรม