ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากประเทศไทยประสบปัญหาวิกฤตภัยแล้ง จนส่งผลกระทบต่อประชาชนในเรื่องของการอุปโภคและบริโภค รวมไปจนถึงสัตว์ป่ายังประสบปัญหาในการหาแหล่งน้ำดื่ม ล่าสุดกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ต้องประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน รวม 12 จังหวัด 47 อำเภอ 217 ตำบล 1,902 หมู่บ้าน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคอีสาน นอกจากนี้ ยังส่งผลไปถึงโรงพยาบาลต่างๆ ด้วย
เมื่อวันที่ 2 มีนาคม นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวผลกระทบภัยแล้ง ว่า ขณะนี้ สธ.ได้ตั้งศูนย์วอร์รูมติดตามสถานการณ์ภัยแล้งขึ้น เพื่อเฝ้าระวังไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการให้บริการประชาชน ซึ่งล่าสุดมีโรงพยาบาล (รพ.) 4 แห่งเริ่มได้รับผลกระทบ คือ 1.รพ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ 2.รพ.เวียงเก่า จ.ขอนแก่น และ 3.รพ.พระทองคำเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จ.นครราชสีมา และ 4.รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี โดยทั้งหมดยังให้บริการผู้ป่วยได้เหมือนเดิม เพียงแต่ปริมาณน้ำสะอาดเริ่มลดลง จึงจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือ เบื้องต้นได้มีความช่วยเหลือไปแล้ว อย่างรพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร ทุกวันนี้มีปริมาณน้ำสะอาดใช้สูงถึง 700,000 ลิตรต่อวัน แต่ล่าสุดนอกจากปัญหาแล้งแล้ว ยังมีน้ำทะเลหนุนสูง เกิดปัญหาน้ำเค็มอีก ทำให้ศูนย์ฟอกไตของ รพ.กังวลว่าจะมีน้ำสะอาดสำหรับฟอกไตไม่เพียงพอ
“ล่าสุด ทาง รพ.ได้สูบบ่อบาดาลเพื่อหาแหล่งน้ำมาใช้ ขณะที่ทางพื้นที่ก็เข้าช่วยเหลือในการจัดส่งน้ำสะอาดให้ รพ.อภัยภูเบศรแล้วประมาณ 20,000-30,000 ลิตรต่อวัน ส่วน รพ.สันป่าตอง ต้องใช้น้ำวันละ 200,000 ลิตร ขณะนี้เริ่มหวั่น จึงต้องเตรียมพร้อม โดยได้มีการขุดบ่อน้ำบาดาล และเตรียมจัดทำประปาผิวดิน ซึ่งได้ของบฯมาทางกระทรวงประมาณ 6 ล้านบาท ส่วน รพ.พระทองคำฯกำลังดำเนินการขุดบ่อน้ำบาดาลอีก 2 บ่อ และอยู่ระหว่างจัดทำระบบกรองน้ำบาดาล เพื่อปรับปรุงคุณภาพน้ำให้สามารถใช้ล้างเครื่องมือแพทย์ได้ ได้ของบมาทางกระทรวง 1 ล้านบาท ส่วน รพ.เวียงเก่า ขณะนี้ได้ประสานขนน้ำจากประปาภูมิภาคหนองเรือ อ.ภูเวียง มาเติมที่ถังประปาของ รพ.ทุกวันแล้ว” นพ.โสภณกล่าว และว่า อย่างไรก็ตาม ได้กำชับ รพ.ในสังกัดทุกแห่ง ให้ติดตามสถานการณ์น้ำใน รพ. และหาทางรับมือ ขณะเดียวกัน เกิดปัญหาอะไรสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือมาทางกระทรวง ซึ่งมีวอร์รูมช่วยเหลือได้ทันที
