เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 205 ประชาชนจากทั่วประเทศแต่งกายชุดสีดำสุภาพ มาต่อแถวรอกราบถวายสักการะไม่ขาดสายตั้งแต่ช่วงเช้ามืด ท่ามกลางอากาศเย็นสบาย จากเมฆฝนปกคลุมตั้งแต่ช่วงเช้า
นางสาวจันทิมา ชัยสิทธิ์ อายุ 52 ปี ชาว อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มาพร้อมเพื่อน เข้ากราบพระบรมศพเป็นครั้งแรก กล่าวด้วยสีหน้าปลาบปลื้มใจว่า ตนและเพื่อนชาวหาดใหญ่รู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในหลวงร.9 เป็นล้นพ้น เพราะพระองค์ทำให้อ.หาดใหญ่เจริญอย่างทุกวันนี้ จากในปี 2530 ที่เกิดเหตุการณ์มหาอุทกภัยทั้งเมืองหาดใหญ่ บ้าน 2 ชั้นก็ยังจมน้ำ ทำให้เศรษฐกิจในพื้นที่ทรุด ความเป็นอยู่ของชาวบ้านยากลำบาก จากนั้นพระองค์เสด็จฯ มาทรงแก้ปัญหา ทรงแนะนำให้แก้ตรงนั้นทำตรงนี้ ซึ่งจังหวัดก็ทยอยทำตามสิ่งที่พระองค์ทรงแนะนำ ตั้งแต่ทำแก้มลิง ขุดลอกคูคลอง ขุดคลองส่งน้ำลงทะเลสาปสงขลา จากนั้นสภาพเศรษฐกิจและความเป็นอยู่คนในพื้นที่ก็ดีขึ้น ฝนตก็ไม่ท่วมหนักเหมือนแต่ก่อน อย่างไรก็ตาม เพื่อถวายความอาลัยพระองค์ ระยะหลังนี้ตนได้ไปร่วมทำดอกไม้จันทน์ที่สนามเสือป่า เพื่อใช้ในวันถวายพระเพลิงพระบรมศพ และจากนี้ ตนจะน้อมนำคำสอนของพระองค์มาใช้กับชีวิต อาทิ ความประหยัดพอเพียง ใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า เพื่อเป็นลูกที่ดีเป็นคนไทยที่ดีต่อไป
ด้าน คณะผู้บริหาร ครู และนักเรียน โรงเรียนบ้านเกริ่นกฐิน อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี กว่า 230 คน นำโดย นายสุนทร ทับทิมศรี อายุ 60 ปี ผู้อำนวยการโรงเรียนฯ กล่าวว่า วันนี้เราปิดโรงเรียนพานักเรียนและครูมากราบพระบรมศพด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ซึ่งก่อนมาเราก็เล่าเรื่องราวที่เกี่ยวกับในหลวงร.9 การทรงงานต่างๆ ให้นักเรียนฟัง แต่เหลือไว้อีกส่วนให้พวกเขามาเห็นด้วยสายตาตัวเอง ซึ่งภายหลังจากพาเข้ากราบพระบรมศพ เด็กหลายคนพอใจ และบอกว่าอยากกลับมากราบพระบรมศพอีก ซึ่งแสดงว่าพวกเขาได้ซาบซึ้งถึงความจงรักภักดีเข้าแล้ว
“พระองค์ทรงงานไม่เคยเห็นแก่เหน็ดเหนื่อย ทรงปฏิบัติพระองค์เป็นแบบอย่างที่ดีแก่เด็กและเยาวชน ซึ่งผมก็ตั้งใจว่าจะน้อมนำพระองค์มาเป็นแบบอย่างการปลูกฝังต้นกล้าเหล่านี้ อย่างปัจจุบันที่โรงเรียนมีโครงการเรียนรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง อาทิ ปลูกผักและผลไม้ปลอดสารพิษ เพื่อเรียนรู้ทฤษฎีเกษตรและนำมาประกอบอาหารกลางวัน ขณะที่ส่วนตัวน้อมนำพระองค์มาเป็นแบบอย่างการทำงานเช่นกัน โดยทุกวันนี้ทำงานไม่มีวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ จะมาโรงเรียนตลอด เพื่อดูแลสิ่งต่างๆ ที่ทำให้ต่อเนื่องและยั่งยืน อย่างพวกพืชผักผลไม้ที่อยากมาติดตามดูว่าว่างอกงามดีไหม เพราะต้องการสร้างเป็นแหล่งเรียนรู้ให้เด็กได้เห็น” นายสุนทรกล่าวและว่าจากนี้คิดว่าโรงเรียนจะมีกิจกรรมประดิษฐ์ดอกไม้จันทน์ โดยจะให้ครูเริ่มประดิษฐ์ก่อน จากนั้นสอนและชวนนักเรียนมาร่วมประดิษฐ์ด้วย เพื่อใช้ในวันถวายพระเพลิงพระบรมศพต่อไป
ขณะที่ ด.ญ.นฤมล วิเชียรพจน์ นักเรียนชั้นม.2 โรงเรียนบ้านเกริ่นกฐิน พร้อมเพื่อนร่วมชั้นเรียน ด.ญ.ยุพาพิน ทองกัน กล่าวร่วมกันว่า พวกเราประทับใจพระองค์ในด้านอัครศิลปิน ที่ทรงเป็นนักดนตรี นักประพันธ์เพลงเพราะพวกเราก็เป็นนักดนตรีเช่นกัน โดยเป็นดนตรีไทย ได้แก่ ขิม ซอด้วง ซึ่งยังได้น้อมนำพระองค์เป็นแบบอย่างและแรงบันดาลใจในการเล่นดนตรี ด้วยการพยายามฝึกฝนต่างๆ ซึ่งทุกวันนี้ก็เล่นได้ดีระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม พวกเรายังน้อมนำคำสอนเรื่องการอดออมเงินมาใช้ อย่างของนฤมลที่ตอนนี้สามารถเก็บออมเงินเหลือใช้จนมีเงินเก็บหลักพันบาทแล้ว และพวกเราจะทำต่อไปเรื่อยๆ เป็นอนาคตที่ดีของประเทศ
ทั้งนี้ สำนักพระราชวังแจ้งสรุปยอดรวมประชาชนที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 17,279 คน รวม 204 วัน มี 7,250,303 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 1,191,242 บาท รวม 204 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 572,764,520.26 บาท
