นายกมล นวลใย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) เปิดเผยว่า อุทยานแก่งกระจาน ได้สำรวจพื้นที่แม่น้ำเพชรบุรี และบริเวณแอ่งน้ำรอบๆ อุทยาน ล่าสุดเมื่อปลายเดือนมกราคม สามารถถ่ายภาพจระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทย จากกล้องแคมเมราแท็ปส์ ได้ 1 ตัว และมองเห็นด้วยตาเปล่าตัวเป็นๆ กำลังว่ายน้ำ และถ่ายรูปได้ 3 ตัว อีกทั้ง พบร่องรอย เป็นรอยเท้า และขี้ บริเวณเหนือต้นน้ำแม่น้ำเพชรบุรี คาดว่าน่าจะ 2 ตัว รวมทั้งมีเด็กลูกจ้างร้านอาหารบริเวณหาดแก่งกระจาน ภายในพื้นที่อุทยานแก่งกระจาน ยืนยันว่าเห็นว่ายน้ำลอยคออยู่หลังร้านอาหารอีก 2 ตัว รวมทั้งหมด 7 ตัวด้วยกัน
“และก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2556 เจ้าหน้าที่อุทยานแก่งกระจาน เคยเก็บไข่ จระเข้ บ้านวังข่า บริเวณริมตลิ่งชายฝั่งแม่น้ำเพชรบุรี จำนวน 20 ฟอง แล้วนำไปฟัก ออกมาเป็นลูกจระเข้ได้ 7 ตัว เอาไปฝากเลี้ยงไว้ที่ปัญญาฟาร์ม ของสัตวแพทย์ปัญญา ที่ จ.นครปฐม โดยเลี้ยงอยู่ในบ่อน้ำธรรมชาติไม่ได้มีการป้อนอาหาร หรือโยนอาหารให้กิน แต่ให้หากินตามธรรมชาติในบ่อ เวลานี้จระเข้ทั้ง 7 ตัว อายุประมาณ 3 ปี ลำตัวยาวประมาณ 1 เมตร” นายกมล กล่าว
หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กล่าวด้วยว่า เมื่อประมาณเดือนสิงหาคม 2558 ก็เคยเจอไข่จระเข้ 2 ฟองที่ริมหาดแม่น้ำเพชรบุรีเช่นกัน แต่ชาวบ้านในพื้นที่ไม่สบายใจ และเป็นกังวล หากเจ้าหน้าที่อุทยานฯจะเก็บไข่ทั้ง 2 ฟองไปดูแล เพราะมีความเชื่อว่า หากไข่หายไป แม่จระเข้จะออกตามหา ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจปล่อยไข่เอาไว้อย่างนั้น แต่ในที่สุดเมื่อกลับไปดูอีกรอบก็พบว่า ไข่หายไปแล้ว ไม่มีร่องรอยของการฟัก และคาดว่าน่าจะเป็นตัวนาก หรือตัวเหี้ยเอาไปกิน
“สำหรับจระเข้ทั้ง 7 ตัว ที่อยู่ในแม่น้ำเพชรบุรีตอนนี้ เราคาดว่ามันคงอยู่อย่างมีความสุขดี ชาวบ้านไม่มีใครไปทำร้าย โดยเฉพาะชาวปกากะญอที่อาศัยอยู่ตามริมแม่น้ำเพชรบุรี จะมีความเชื่อว่า จระเข้เป็นสัตว์นำโชคของพวกเขา ทุกคนต่างช่วยกันดูแล ไม่มีใครไปทำร้าย หลายคนมาเล่าให้ฟังว่า เห็นจระเข้ว่ายน้ำอยู่ไม่ไกลจากที่ตัวเองหาปลา และทำกิจกรรมต่างๆ ในแม่น้ำ และจระเข้ก็ไม่เคยมาทำร้าย ที่เป็นแบบนี้ เพราะนิสัยจระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทยนั้นจะรักสงบไม่ชอบเบียดเบียน รุกรานใครก่อน ถ้าไม่มีอะไรมากระตุ้น เช่น ทำร้าย หรือแย่งอาหาร ก็จะไม่ก้าวร้าวดุร้ายเลย” นายกมล กล่าว
นายกมล กล่าวว่า เวลานี้นอกจากที่อุทยานแก่งกระจานแล้ว ยังพบที่อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง และที่ จ.ปราจีนบุรี แต่ที่หลังนั้นตนไม่แน่ใจว่าอยู่บริเวณใด แต่โดยภาพรวมแล้ว ถือว่า จระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทย ในธรรมชาตินั้นมีอยู่น้อยมาก ไม่น่าจะเกิน 50 ตัวด้วย ดังนั้นการอนุรักษ์และช่วยกันดูแล จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ทั้งนี้ ตนกำลังมีโครงการที่จะปล่อยจระเข้พันธุ์นี้สู่ธรรมชาติ โดยจะนำจระเข้ 2 ใน 7 ตัว ที่ฝากเลี้ยงเอาไว้ที่ปัญญา ฟาร์ม ซึ่งมีความพร้อมที่จะอยู่ในลำน้ำธรรมชาติอยู่แล้ว ขณะนี้รอการอนุมัติโครงการอยู่ นับเป็นการปล่อยจระเข้สู่ธรรมชาติครั้งแรกของประเทศไทย
