ร้อนและแล้งเหตุหนุนไฟป่า บวกลมพัดวนทำฝุ่นควันลอยคลุ้งทั่วเมืองลำปาง

วันที่ 3 มีนาคม ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกัน และแก้ไขปัญหาไฟป่า และหมอกควันไฟของ จ.ลำปาง ได้รายงานว่าสถานการณ์หมอกควันไฟในพื้นที่ ได้กลับมาเป็นปัญหาต่อพื้นที่ และน่าห่วงอีกครั้ง หลังจากเมื่อช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา พื้นที่ จ.ลำปาง ได้เกิดลมกระโชกแรง และพายุฝนตกลงมา จึงทำให้ค่าฝุ่นลดลงกลับไปเป็นปกติ แต่หลังจากในช่วงนี้ที่สภาพอากาศเกิดแห้งแล้ง และในช่วงกลางวันยังเกิดร้อนด้วย จึงทำให้เกิดไฟไหม้ป่าขึ้นในหลายพื้นที่อำเภอของ จ.ลำปาง อย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในอำเภอทางโซนใต้ และโซนบนของ จ.ลำปาง ได้แก่ อ.เถิน อ.แม่พริก อ.งาว และ อ.แจ้ห่ม โดยพื้นที่ อ.เมือง อ.แม่เมาะ และ อ.แม่ทะ ซึ่งเป็นพื้นที่อยู่ใกล้กันยังไม่เกิดไฟไหม้ป่าขึ้น

นายทิวา พันธ์ไม้สี ผู้อำนวยการสถานีอุตุนิยมวิทยาลำปาง กล่าวว่า ถึงแม้ในเขต อ.เมือง และใกล้เคียงจะสามารถควบคุมการเกิดไฟไหม้ป่าขึ้นได้ และไม่มีควันไฟลอยมาปกคลุม แต่ทว่าจากไฟไหม้ป่าในต่างอำเภอนั้น อาจจะถูกแรงลมที่พัดวนในพื้นที่ จ.ลำปาง จึงทำให้ฝุ่นละอองขนาดเล็กจากการเผาไหม้ได้ลอยวนเข้ามา โดยเฉพาะสภาพทางภูมิศาสตร์ที่เป็นแอ่ง หรือที่ชาวลำปางเรียกว่าแอ่งกระทะ และมีภูเขาสูงล้อมรอบ จึงทำให้หมอกควันไฟลอยสะสมอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ถูกลมพัดออกไปนอกจังหวัด จนทำให้วันนี้ค่าหมอกควันไฟเกินค่ามาตรฐานถึง 3 สถานี

ทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดลำปาง ซึ่งมีหน้าที่รายงานตัวเลขค่าเฉลี่ย รายงานว่า สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบอัตโนมัติของกรมควบคุมมลพิษที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ จ.ลำปาง 4 แห่ง ได้รายงานค่าเฉลี่ยระหว่าง 103-138 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยพื้นที่ที่ค่าเกินมาตรฐาน และเป็นสภาพอากาศที่ส่งผลกระทบต่อการหายใจ และสุขภาพร่างกายของประชาชน คือ พื้นที่ ต.สบป้าด อ.แม่เมาะ วัดได้ 139 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร พื้นที่ ต.แม่เมาะ อ.แม่เมาะ 134 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และตัวเมืองลำปาง 126 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

ด้านนายอาวีระ ภัคมาตร์ ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 2 ลำปาง ซึ่งเป็นหน่วยงานระดับภูมิภาคที่ดูแลพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ จ.ลำปาง พะเยา แพร่ และสุโขทัย กล่าวว่า สถานการณ์ภัยแล้งที่รุนแรงในปีนี้ และน่าห่วงเป็นปัจจัยสนับสนุนของการเกิดไฟไหม้ป่า และหมอกควันไฟของพื้นที่ภาคเหนืออย่างมาก โดยเฉพาะ จ.ลำปาง และ จ.แพร่ ที่น่าห่วงสุด จากการที่พื้นที่ยังคงมีการเผาเกิดขึ้น โดยเฉพาะผืนป่าที่ถือว่าเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดไฟไหม้ป่าขยายลามวงกว้างออกไป จนทำให้เกิดกลุ่มควันไฟลอยขึ้นไป และสะสมในอากาศจนเป็นฝุ่นละอองขนาดเล็กจากการเผาไหม้ โดยจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติเอลนิโญ ที่ทำให้ฝนตกน้อยในช่วงฝนที่ผ่านมาจึงทำให้ความชุ่มชื้นในผืนป่ามีไม่มาก ใบไม้ และใบหญ้าตามป่า จึงมีปริมาณที่สะสมขึ้นมากกว่าปกติ เมื่อเกิดไฟไหม้ป่าขึ้น ก็จะทำให้เกิดไฟไหม้ป่าลามหนัก และเกิดควันไฟมากกว่าปกติ ทั้งนี้ ในห้วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคมนี้ น่าห่วงว่าปัญหาจะหนักสุด เพราะจะเป็นช่วงที่แห้งแล้งสุด ซึ่งปัญหาไฟป่าอาจจะเกิดหนักขึ้นตามมาในห้วงดังกล่าวได้

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image