โดนแล้งด้วย! ธุรกิจคาร์แคร์เมืองนครพนมกระทบ ต้องเพิ่มราคา-ปรับลดพนง.แก้ขาดทุน

วันที่ 4 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงนี้ภัยแล้งเริ่มส่งผลกระทบต่อเนื่อง ไม่เพียงส่งผลต่อระดับน้ำโขงลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ลำน้ำสาขาบางพื้นที่แห้งขอด รวมถึงแหล่งน้ำใต้ดิน ระบบน้ำบาดาลเริ่มมีปัญหา ไม่เพียงพอต่อการอุปโภคบริโภค รวมถึงการทำการเกษตร ยังส่งผลกระทบต่อธุรกิจคาร์แคร์ล้างรถในพื้นที่เริ่มประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ ทำให้เพิ่มภาระค่าใช้จ่ายต้นทุนมากขึ้นกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากปกติจะมีการใช้น้ำจากระบบบ่อบาดาลใต้ดิน นำมาพักก่อนเข้าสู่ระบบล้างอัดฉีด แต่ปัจจุบันมีปัญหาผลกระทบจากภัยแล้ง ต้องหันมาใช้น้ำจากระบบน้ำประปา ทำให้มีต้นทุนสูง ส่งผลให้เกิดปัญหาขาดทุน จึงต้องมีการปรับเพิ่มค่าบริการเพิ่มขึ้น  รวมถึงลดพนักงาน เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่าย

201603040948041-20111216140823

นายสนพานนท์ มนต์คาถา อายุ 50 ปี เจ้าของธุรกิจคาร์แคร์แห่งหนึ่ง ใน ต.นาแก อ.เมือง จ.นครพนม เปิดเผยว่า ปัจจุบันปัญหาภัยแล้งได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจคาร์แคร์ล้างรถ เนื่องจากแหล่งน้ำใต้ดินที่เคยใช้บ่อบาดาล ที่สูบขึ้นมาเข้าสู่ระบบล้างอัดฉีด มีปริมาณน้อย บางช่วงไม่สามารถสูบได้ จึงต้องหันไปใช้ระบบน้ำประปาแทน ส่งผลต่อปัญหาต้นทุนค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ ต้องเสียค่าใช้จ่ายค่าน้ำเดือนละประมาณ 3,000 บาท จากปกติเดือนละประมาณ 1,500 -2,000 บาท รวมค่าไฟอีกประมาณ 2,000 บาท  รวมค่าใช้จ่ายประมาณ 5,000 บาท ทำให้ผลกำไรน้อย จากปกติเคยมีกำไรวันละ 800-1,000 บาท แล้วแต่จำนวนลูกค้า ทำให้เหลือวันละประมาณ 500 บาท หากช่วงไหนที่ปริมาณลูกค้าน้อย เสี่ยงขาดทุนหนัก เพราะแต่ละวันจะต้องมีลูกค้าประมาณ 10-15 คัน ถึงจะมีกำไร  ส่วนหนึ่งต้องปรับเพิ่มราคาขึ้นจากค่าบริการรถเก๋ง คันละ 120 บาท เพิ่มเป็น 150 บาท รถยนต์กระบะ จากราคา 150 บาท เพิ่มเป็น 180 บาท  อีกทั้งต้องมีการลดพนักงาน จากจำนวน 5 คน เหลือแค่ 2 คน ใช้วิธีเอาแรงงานในครอบครัวมาช่วยลดต้นทุน เพราะค่าจ้างแรงงานสูงวันละ 300 บาท อย่างไรก็ตาม ทางร้านจะต้องมีการปรับการตลาดถึงแม้จะเพิ่มราคาค่าบริการ แต่ได้มีการเพิ่มคุณภาพในการล้างทำความสะอาดมากขึ้น เพื่อเอาใจลูกค้า และประคับประคองให้ธุรกิจอยู่ได้ 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image