เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 4 มีนาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ รองผบ.ตร. เป็นประธานการประชุมพิจารณามาตรการในการรักษาความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยเชิญเจ้าหน้าที่ตำรวจในจังหวัดท่องเที่ยวมาร่วมประชุมด้วย
พล.ต.อ.วุฒิ เปิดเผยก่อนเข้าประชุมว่า ในประเทศไทยมีจังหวัดการท่องเที่ยว 31 จังหวัด แต่วันนี้เรียกตำรวจในจังหวัดท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากมา 18 จังหวัด อาทิ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี เชียงใหม่ เชียงราย ฯลฯ เพื่อประชุมหารือมาตรการในการระวังเหตุไม่ให้เกิดเหตุซ้ำเหมือนกับที่นักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศสถูกทำร้ายที่อ.เกาะกูด จ.ตราด โดยจะมีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการท่องเที่ยวในทุกจังหวัด จากนั้นจะต้องเชิญผู้ประกอบการ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนมาหารือกัน เพื่อรวบรวมข้อมูลว่ามีนักท่องเที่ยวเข้ามาเท่าใด เข้ามาท่องเที่ยวในลักษณะใด พักที่บ้านพัก หรือเกสต์เฮาส์ใด มีแรงงานต่างด้าวเท่าใด ทำงานประเภทใดบ้าง อาศัยอยู่ส่วนใดบ้าง ฯลฯ รวมทั้งต้องร่วมกันกำหนดพื้นที่เสี่ยงที่ต้องระวังภัยจะเกิดเหตุ และจะต้องมีการสรุปข้อมูลทุกวันจันทร์ ถือเป็นอีกหนึ่งมาตรการป้องกันก่อนเกิดเหตุ ไม่ใช่เกิดเหตุแล้วจึงมาไล่หาข้อมูลว่าผู้ก่อเหตุเป็นใคร ภูมิลำเนาอยู่ที่ใด นอกจากนี้จะต้องพิจารณาข้อบกพร่องของตำรวจพื้นที่ที่เกิดเหตุว่า มีการปล่อยปละละเลย ไม่ป้องกัน ระงับ ยับยั้ง จนเป็นเหตุให้เกิดคดีหรือไม่ หากพบความผิดก็จะถูกตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง เพราะต่อไปนี้หน้าที่ไม่ใช่การจับกุมเท่านั้น แต่การป้องกันเหตุก็ถือเป็นหน้าที่เช่นกัน
พล.ต.อ.วุฒิ กล่าวต่อว่า จากการรวมรวมสถิติเมื่อเดือนตุลาคม 2558 ที่ผ่านมาพบว่า ตามหลักสากลตั้งมาตรฐานการเกิดคดีไว้ 20 คดี ต่อนักท่องเที่ยว 100,000 คน โดยพบว่าประเทศไทยยังมีคดีไม่เกิน 5 คดี จึงยังถือว่าเป็นมาตรฐานสากล ดังนั้นไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนก แต่ให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตากรณีเกิดเหตุร้าย อย่างไรก็ตามยืนยันว่าเจ้าหน้าที่จัดมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด และจะเร่งจับกุมผู้กระทำความผิดหลังก่อเหตุได้ทันที
ด้านพล.ต.ต.นพรัตน์ รินทพล ผบก.ภ.จว.ตราด เปิดเผยความคืบหน้าคดีนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศสถูกทำร้าย ที่อ.เกาะกูด จ.ตราด ว่า หลังจาก 16 ชั่วโมงที่เกิดเหตุ ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด ชั้นจับกุมรับสารภาพว่าข่มขืนและทำร้ายชาวต่างชาติดังกล่าวจริง พร้อมทั้งนำไปชี้จุดเกิดเหตุ และฝากขังผลัดแรกแล้ว ขณะที่ผู้เสียหายยังพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาล ทั้งนี้อยู่ระหว่างประสานสถานทูตฝรั่งเศสเพื่อขอให้ผู้เสียหายเบิกความต่อศาล เนื่องจากมีกำหนดกลับประเทศฝรั่งเศสภายในสิ้นเดือนนี้ อย่างไรก็ตามมั่นใจในพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์กว่า 82 ชิ้น รวมทั้งพยานบุคคลที่ยืนยันตัวผู้ต้องหา และคำให้การของผู้ต้องหาว่าจะสามารถดำเนินคดีได้ถึงที่สุด
