เมื่อวันที่ 7 มีนาคม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ร.ต.อ.เลิศชาย ผือลองชัย พนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ พร้อมกำลัง ได้ควบคุมตัวนายเจิ้น หยาง อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาสัญชาติจีน หัวหน้าแก๊งปล้นปืน ย่านวังบูรพา มายื่นคำร้องฝากขังต่อศาลครั้งแรก
พนักงานสอบสวน ระบุในคำร้องเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2559 เวลาประมาณ 09.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 1 กองบังคับการท่องเที่ยว ได้ทำการจับกุมตัวนายเจิ้น หยาง ผู้ต้องหา ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 472/2559 ในข้อหาปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธ,ใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปให้พ้นจากการจับกุมเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส,ร่วมกันพยายามฆ่า พาอาวุธไปในเมือง และมีเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
โดยพฤติการณ์สรุปว่า นายเจิ้น หยาง ซึ่งเป็นหัวหน้ากับพวก คือผู้ต้องหาทั้งสาม และนาย หวู๋ ซิง จุน ซึ่งถึงแก่ความตาย รวม 5 คน ได้ร่วมกันใช้อาวุธปืนปลอม 2 กระบอก มีดปลายแหลม 2 เล่ม เข้าร่วมกันปล้นทรัพย์ ร้านจำหน่ายอาวุธปืน อินเตอร์ อาร์ม เลขที่ 127 /17 ถ.เจริญกรุง แขวงวังบูรพา ภิรมย์ เขต พระนคร กทม. โดยมีการวางแผนมาดูลาดเลาล่วงหน้า กระทั่งวันเกิดเหตุผู้ต้องหา 4 คน ได้ขี่รถจักรยานยนต์ 2 คัน ซ้อนท้ายกันมา โดยมีนายเจิ้น หยาง เป็นหัวหน้า และใช้วิทยุสื่อสาร คอยสั่งการบริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุ เมื่อนายปกรณ์ แดงละม้าย เจ้าของร้าน กับนางกัญธิรา ลิ้มอุปถัมภ์ และนายสิทธินนท์ มณฑาพันธ์ พนักงาน มาเปิดร้าน พวกผู้ต้องหาที่แอบซุ่มรอจังหวะอยู่ ได้กรูกันเข้าไปในร้านใช้มีดจี้ ข่มขู่นายปกรณ์ เจ้าของร้านที่นั่งอยู่โต๊ะทำงาน และนายสิทธินนท์ ให้ส่งมอบอาวุธปืน และทรัพย์สินอื่นๆ แต่ทั้งสองต่อสู้ขัดขืน ผู้ต้องหาจึงใช้มีดแทงทำร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัสทั้งสองคน นายปกรณ์จึงร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ พวกผู้ต้องหาจึงพากันหลบหนีพร้อมกุญแจรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ของนายปกรณ์เตรียมขึ้นรถจักรยานยนต์เพื่อหลบหนี แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย ใช้อาวุธปืนยิงเพื่อขัดขวางผู้ต้องหา กระสุนถูกนายหวู๋ ซิงจุน ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตต่อมา ส่วนผู้ต้องหาอีก 3 คนถูกจับกุมได้ โดยนายซุน จุ้นเหวย ได้รับบาดเจ็บสาหัส รักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ และถูกอายัดตัวไว้ พร้อมแจ้งข้อหาดำเนินคดี ขณะที่นายเจิ้น หยาง หัวหน้า หลบหนีไปได้ พนักงานสอบสวนจึงได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลอาญาออกหมายจับ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวนายเจิ้น หยาง มาสอบและพบว่าเป็นบุคคลเดียวกับผู้ตองหาตามหมายจับจริงและผู้ต้องหาก็ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
บัดนี้พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัว และทำการสอบสวนผู้ต้องหามาโดยตลอด แต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องทำการสอบปากคำพยานเพิ่มเติมอีก 6 ปาก รอผลการตรวจพิสูจน์ของกลาง จากกองพิสูจน์หลักฐาน และรอผลการการตรวจสอบประวัติการต้องคดีของผู้ต้องหา จากกองทะเบียนประวัติ อาชญากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ด้วยความจำเป็นดังกล่าวจึงขอฝากขังผู้ต้องหาไว้เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 7-18 มีนาคมนี้ และขอรับตัวผู้ต้องหาไปควบคุมที่เรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี
ท้ายคำร้อง พนักงานสอบสวน ขอคัดค้านการประกัน เนื่องจากพวกผู้ต้องหาเป็นชาวต่างชาติ ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ทั้งเป็นคดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ หากปล่อยชั่วคราว เกรงผู้ต้องหาจะหลบหนี
ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาผ่านล่ามภาษาจีนแล้ว ไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้ที่ มทบ.11
พ.ต.อ.ชยุต มารยาทตร์ รอง ผบก.น.6 กล่าวภายหลังการฝากขังว่าหลังจากนี้จะกุมตัวนายนายเจิ้น หยาง ไปคุมขังที่เรือนจำชั่วคราว มทบ.11 แขวงนครไชยศรี ตามที่ได้ร้องขอต่อศาล เนื่องจากยังมีอีกหลายประเด็นที่พนักงานสอบสวน ต้องสอบปากคำผู้ต้องหา ซึ่งการคุมขังไว้ที่ มทบ.11 จะทำให้การสอบปากคำสะดวกยิ่งขึ้น ประกอบกับคดีดังกล่าวเป็นคดีที่อาจกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ส่วนผู้ต้องหาอีก 3 คนที่ร่วมกระทำผิด ซึ่งได้ฝากขังไปก่อนหน้านี้ ตนจะนำเรียนผู้บังคับบัญชาเพื่อขอย้ายไปคุมขังที่ มทบ.11 เหมือนกัน
