เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ที่กองกำกับการสายตรวจ(กก.สตร.)กองบังคับการสายตรวจและปฎิบัติการพิเศษ(บก.สปพ.)พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.สปพ. พ.ต.อ.สุรพล ค้ำชู ผกก.สน.โชคชัย ร่วมแถลงจับกุมนายธนากร สุขเจริญ หรือตั้ม อายุ 30 ปี และนายมานะ เพียราช หรือบอล อายุ 33 ปี พร้อมของกลางไอซ์ ชนิดเกล็ดขาวรวม793.89กรัม ,เคตามีนชนิดเกล็ดขาว 1,378.1กรัม ทองคำรูปพรรณ ,เงินสด,โทรศัพท์และไอแพด ในข้อหามียาเสพติดประเภทที่1ไว้ในคคอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย มีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย สามารถจับกุมได้ที่บ้านเลขที่7 ซอยลาดพร้าว-วังหิน47 ถ.ลาดพร้าว-วังหิน แขวงและเขตลาดพร้าว กทม. และที่ห้องพักเลขที่212 ชั้น2 วิยะดาเพลส ซอยนาคนิวาส48 แยก12 แขวงและเขตลาดพร้าว กทม.
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตำรวจ บก.สปพ.สืบทราบว่า นายธนากร มีพฤติกรรมเป็นผู้ค้ายาเสพติด จึงรวบรวมหลักฐานจนขอหมายค้นศาลอาญา ลงวันที่ 5 สิงหาคม เข้าค้นบ้านเลขที่7 ซอยลาดพร้าว-วังหิน47 ถ.ลาดพร้าว-วังหิน แขวงและเขตลาดพร้าว กทม. ซึ่งเป็นบ้านพักนายธนากร จากการตรวจค้นพบไอซ์ 19.64 กรัม ต่อมานายธนากร ติดต่อสั่งซื้อไอซ์20 กรัม จาก น.ส.พนิดา แย้มขยาย อายุ 26 ปี อยู่ระหว่างหลบหนี โดยนัดหมายส่งยาไอซ์ให้กับนายมานะ และนำไอซ์มาส่งให้นายธนากร ที่บริเวณหน้าบ้านพัก จึงจับกุมและตรวจค้นจึงพบไอซ์ภายในถุงที่นายมานะถือมา 237.6 กรัม จากการขยายผลตรวจค้นห้องพักนายมานะ ที่อพาร์ตเมนท์แห่งหนึ่งพบไอซ์บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกโดยใช้วิธีซีลปิดหัวปิดท้ายเพื่อที่ให้ง่ายต่อการพกพา จำนวน 53 ถุง น้ำหนักชั่งรวมถุงประมาณ 793.89 กรัมและเคตามีนบรรจุอยู่ภายในถุงพลาสติกใส 2 ถุง,ถุงชาจีน 1 ถุงและถุงพลาสติกสีบอร์น(ซีลปิดหัวท้าย)อีก 6 ถุง น้ำหนักชั่งรวมถุงประมาณ 1,368.1 กรัม สอบสวนนายมานะ สารภาพว่ารู้จักกับน.ส.พนิดามานานในสถานที่ท่องเที่ยว น.ส.พนิดา ชักชวนใก้มาช่วยส่งไอซ์ โดยรับค่าจ้าง ขีดละ 2,000 บาท
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่าในการจับกุมครั้งนี้พบของกลางเป็นเคตามีนตัวใหม่ ที่วัยรุ่นกำลังนิยมมากเพราะมีฤทธิ์แรงกว่าตัวเก่า นอกจากนี้บรรจุภัณฑ์ที่ใช้ใส่ไอซ์ขายมีการซีนอย่างดี มีลักษณะคล้ายกับสินค้าเวชภัณฑ์ และมีการบรรจุใส่กล่องเล็กๆคล้ายของขวัญ ขายในราคากรัมละ5,000บาท ทั้งนี้ต่อให้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบอย่างไรทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ตรวจค้นและจับกุมได้อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ได้มีมาตราการในการกวาดล้าง ตรวนค้นและจำกุมบุคคลตามหมายจับในช่วงวันที่1-10 ของทุกเดือน โดยในเดือนนี้ตั้งแต่วันที่1-5 สิงหาคมสามารถจับกุมผู้ที่มีหมายจับได้112หมาย ผู้ต้องหา 112 คน อย่างไรก็ตามได้มีการวางกำลังตรวจเข้มทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดตามหัวเมืองใหญ่ๆ เช่น เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ฯ ภูเก็ต และกระบี่ ซึ่งมาตรการต่อไปคือการดูในเรื่องข้อหาสมคม และยึดทรัพย์ที่ได้จากการกระทำความผิดด้วย
