เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม นายทวีศักดิ์ เลิศประพันธ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการกรุงเทพมหานครว่าด้วยการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ ครั้งที่ 1/2560 ว่า ในปี 2560 คาดการณ์ว่าจากจำนวนประชากรในพื้นที่ 8-10 ล้านคน พบจำนวนกลุ่มประชากรที่เข้าถึงยากและเป็นกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสติดเชื้อเอชไอวีมากกว่ากลุ่มประชากรอื่น ได้แก่ กลุ่มชายมีเพศสัมพันธ์กับชาย ชายขายบริการทางเพศ กลุ่มสาวประเภทสอง พนักงานบริการทางเพศหญิงและผู้ใช้สารเสพติดชนิดฉีด โดยพบว่า ปัจจุบันกลุ่มชายมีเพศสัมพันธ์มีแนวโน้มที่สูงมากกว่ากลุ่มอื่น เนื่องจากเกิดการเลียนแบบพฤติกรรมจากละครและสื่อใหม่ ทำให้กลายเป็นเรื่องแฟชั่นนำไปสู่การเปิดตัวเร็วขึ้น ประกอบกับมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องเอดส์น้อย จึงเป็นกลุ่มที่เสี่ยงมาก อย่างไรก็ตาม พบว่าผู้ติดเชื้อได้รับการวินิจฉัยเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 79 ในปี 2560 จากเดิมร้อยละ 66 ในปี 2558 และปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อเข้าถึงยาต้านไวรัสถึงร้อยละ 60 และผู้ติดเชื้อที่รับยาไวรัสควบคุมไวรัสสำเร็จถึงร้อยละ 80
นายทวีศักดิ์ กล่าวอีกว่า กทม.มีเป้าหมายยุติเอดส์ในพื้นที่ ระหว่างปี 2560-2573 ได้แก่ การลดผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ให้เหลือปีละไม่เกิน 500 ราย และจำนวนเด็กติดเชื้อแรกเกิดเหลือปีละไม่เกิน 25 ราย รวมถึงลดการเสียชีวิตในผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวีปีละไม่เกิน 2,000 ราย อีกทั้งลดการตีตราและเลือก
ปฎิบัติเพราะเอชไอวีและเพศภาวะ ร้อยละ 90
“ปัจจุบัน กทม.ได้ติดตั้งจุดบริการถุงยางอนามัยฟรี 4,000 กว่าแห่ง ตลอดจนได้จัดโครงการรณรงค์ให้ความรู้แก่เยาวชนตามสถานศึกษา จากเดิมพบว่านักเรียนมีความรู้เรื่องเพศสัมพันธ์และเอชไอวีน้อยมาก แต่เมื่อจัดโครงการรณรงค์ดังกล่าวพบว่าเด็กมีความรู้และความเข้าใจมากขึ้นร้อยละ 90 ทั้งนี้ ในปี 2560 กทม.ได้รับอนุมัติงบประมาณจากรัฐบาล 10.8 ล้านบาท จัดซื้อยาต้านไวรัสตามโครงการบริการเพื่อป้องกันและรักษาผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์ และผู้ได้รับผลกระทบที่ไม่ได้อยู่ในสิทธิใดๆ และผู้ไม่มีบัตรประชาชนและจัดซื้อยาต้านไวรัส สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้รับอุบัติเหตุจากการปฎิบัติงานตามศูนย์บริการสาธารณสุข ขณะนี้มีศูนย์บริการสาธารณสุข 26 เจ้าพระคุณประยูรวงศ์และศูนย์บริการสาธารณสุข 28 กรุงธนบุรีที่เริ่มให้บริการผู้ได้รับผลกระทบที่ไม่ได้อยู่ในสิทธิใดๆ และผู้ไม่มีบัตรประชาชน” นายทวีศักดิ์ กล่าว
