เมื่อเวลา 10 สิงหาคม นายมานิต อินทรพิมพ์ ผู้แทนกลุ่มผู้พิการใช้วีลแชร์และภาคีเครือข่ายขนส่งมวลชนทุกคนต้องขึ้นได้ (T4A) ให้สัมภาษณ์ว่า ตามที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหารถจักรยานยนต์วิ่งบนทางเท้า ด้วยการติดตั้งนวัตกรรมเอสการ์ด ลักษณะเป็นแท่งเหล็กและมีความสูงประมาณ 100 เซนติเมตร บนทางเท้าในพื้นที่รอบกรุงเทพฯ อาทิ แยกอโศก-สุขุมวิท ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ฯลฯ นั้น ปรากฎว่าส่งผลกระทบทำให้ประชาชนไม่สามารถสัญจรได้อย่างสะดวก เช่น ครอบครัวที่ใช้รถเข็นเด็ก ผู้พิการใช้รถเข็น (วีลแชร์) ผู้พิการทางสายตา และผู้ที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์ ฯลฯ ทั้งนี้การติดตั้งเอสการ์ดถือเป็นการแก้ปัญหาปลายเหตุ ไม่มีการศึกษาถึงผลกระทบ ความเหมาะสมต่อผู้ใช้และบริบทของสังคม
“ต้นเหตุของปัญหา ส่วนหนึ่งเกิดจากความไม่รู้และความไม่มีจิตสำนึกของประชาชน รวมถึงไม่มีการบังคับใช้กฎหมายจริงจัง แม้บนทางเท้าหลายจุดเจ้าหน้าที่ได้ติดป้ายห้ามจอด หรือห้ามขับขี่รถจักรยานยนต์บนทางเท้า พร้อมระบุโทษปรับสูงสุดถึง 5,000 บาท ก็ไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาได้ การเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาเป็นสิ่งสำคัญ แม้ กทม.แจ้งว่าจะออกประกาศระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการปรับ ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) รักษาความสะอาดและความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 เรื่อง การแบ่งค่าปรับครึ่งหนึ่งสำหรับผู้แจ้ง แต่ขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการดำเนินการ อย่างไรก็ตาม ต้องประชาสัมพันธ์ให้ทุกภาคส่วนรับทราบด้วย เพื่อใช้ทางเท้าร่วมกันอย่างเท่าเทียม โดยไม่ต้องมีนวัตกรรมดังกล่าวมาเป็นอุปสรรคแต่อย่างใด” นายมานิต กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับร่างระเบียบ ข้อกฎหมาย กรณีการจ่ายเงินรางวัลนำจับผู้จอด หรือขับขี่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ หรือล้อเลื่อนบนทางเท้านั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างนำเสนอผู้ว่าฯ กทม.เพื่อให้ความเห็นชอบ
