เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลมีเดีย ภายหลังเฟซบุ๊ก “Pornpilin Aeamsaad” โพสต์คลิปเตือนผู้ปกครองจากเหตุรถยนต์คันหนึ่ง จอดรอไฟแดงบริเวณสี่แยกมีนบุรี อย่างไม่คาดฝันขณะรถคันดังกล่าวกำลังออกตัว ประตูด้านข้างคนขับก็ถูกเปิดออกพร้อมๆ กับมีเด็กหล่นลงมากลิ้งล้มกับพื้น แต่รถก็ยังเคลื่อนตัวเกือบทับเด็ก โชคดีเด็กเบี่ยงตัวหลบแล้วลุกขึ้นวิ่งตาม จนกระทั่งรถหยุดเปิดประตูมารับหนูน้อยขึ้นไป ภาพความหวาดเสียวที่ปรากฏน่าจะเป็นอุทาหรณ์ให้ผู้ปกครองต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เมื่อมีเด็กเล็กนั่งมาในรถยนต์ ควรมีวิธีปฏิบัติอย่างไร
พ.ต.อ.ถนัด นักธรรม ผกก.สน.มีนบุรี บอกเล่าเรื่องราวนี้ว่า เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม บนถนนรามอินทราขาออก ห่างจาก สี่แยกมีนบุรีประมาณ 200 เมตร ไม่มีผู้ใดเข้ามาแจ้งความหรือลงบันทึกประจำวัน แต่ถ้าเกิดการบาดเจ็บหรือสูญเสียกับผู้โดยสารซึ่งเป็นเด็ก จะมีความผิดฐานประมาทและไม่ดูแลผู้โดยสารเรื่องของเข็มขัดนิรภัยหากตรวจสอบพบว่าไม่ได้มีการคาดไว้ อยากให้เรื่องนี้เป็นการเตือนใจผู้ขับขี่ทุกคนให้ใส่ใจในความปลอดภัยของผู้โดยสาร โดยเฉพาะเด็กขอให้ดูแลเป็นพิเศษ เพราะอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นมาได้
พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ฝากเตือนเพิ่มเติมว่า คลิปดังกล่าวจะต้องตรวจสอบว่ามีการรัดเข็มขัดนิรภัยหรือไม่ และอยากฝากเตือนผู้ใหญ่ ผู้ปกครองบุตรหลาน ควรจะดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นกรณีเดินทางหรือนั่งในรถยนต์ควรตรวจสอบความปลอดภัยให้เรียบร้อย ล็อกประตูให้สนิทเพื่อป้องกันการเกิดเหตุดังกล่าว อีกหนึ่งกรณีคือการทิ้งเด็กไว้ในรถ เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ ผู้ปกครองไม่ควรอยู่ห่างไกลบุตรหลาน เพราะอาจจะเป็นอันตรายได้ นอกเหนือความสูญเสียจากเหตุประมาท ยังอาจความผิดจากการละเมิดกฎความปลอดภัย
ซึ่ง พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผู้บังคับการตำรวจจราจรแจกแจงข้อกฎหมาย จากคลิปดังกล่าวเบื้องต้นเข้าข่ายความผิดใน 2 เรื่องด้วยกัน ความผิดแรกคือผิดกฎหมายมาตรา 123 พ.ร.บ.จราจร ผู้ขับขี่จะต้องคาดเข็มขัดนิรภัย และต้องจัดให้ผู้โดยสารคาดเข็มขัดนิรภัย โทษปรับไม่เกิน 500 บาท แต่เหตุการณ์นี้ไม่สามารถบอกได้ว่าเด็กคาดเข็มขัดหรือไม่ อาจจะมีการคาดเข็มขัดแต่ความที่เด็กมีขนาดตัวเล็ก อาจหลุดออกจากเข็มขัดได้ เพราะฉะนั้นควรมีที่นั่งเด็กหรือ คาร์ซีทสำหรับเด็กเล็ก
ปัจจบุันประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายบังคับการใช้คาร์ซีท ความผิดที่สอง คือการขับรถโดยประมาททำให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน ตามมาตรา 43(4) โทษปรับ 400-1,000 บาท ดังนั้นก่อนออกรถควรตรวจสอบประตูว่ามีการล็อกหรือไม่ หากล็อกดีแล้วอาจไม่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น อยากฝากเตือนไปยังประชาชนที่มีบุตรหลานหรือเด็กนั่งมาด้วย ควรมีอุปกรณ์ในการป้องกันเด็กและบุตรหลานขณะนั่งรถ อาทิ การจัดซื้อคาร์ซีทสำหรับเด็ก ผมมองว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องมี เพื่อป้องกันการเกิดความสูญเสีย คาร์ซีทจะป้องกันไม่ให้เด็กตกลงมา ไม่ทำให้เกิดกรณีขับรถโดยประมาทได้อีกด้วย ว่ากันถึงเรื่องเข็มขัดนิรภัย คงต้องย้อนทบทวนกันอีกสักเล็กน้อย
โดยประกาศกรมการขนส่งทางบกเรื่องการติดตั้งเข็มขัดนิรภัยและตำแหน่งที่นั่งเพื่อกำหนดคุณสมบัติและการติดตั้งเข็มขัดนิรภัย ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ พ.ศ.2555 การบังคับใช้ พ.ร.บ.การขนส่งทางบก พ.ศ.2522 กำหนดการติดตั้งเข็มขัดแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 คือกลุ่มรถยนต์ รถแท็กซี่ รถลีมูซีน รถกระบะ 4 ประตู ถ้าจดทะเบียนก่อน ม.ค.2531 ตัวรถจะไม่มีการติดตั้งเข็มขัดนิรภัยเลย แต่ถ้าจดทะเบียน 1 ม.ค.2531-1 ธ.ค.2553 ต้องติดเข็มขัดนิรภัยที่นั่งคนขับ และที่นั่งตอนหน้า ถ้าตั้งแต่ 1 ม.ค.2554 จะต้องมีเข็มขัดทุกที่นั่ง ถ้าไม่มีก็จะมีความผิด กลุ่มที่ 2 คือรถตู้ส่วนบุคคล จดทะเบียนเกิน 7 คน แต่ไม่เกิน 15 คน ก่อน 1 ม.ค.2537 ตัวรถจะไม่มีการติดตั้งเข็มขัดนิรภัยเลย แต่ตั้งแต่ 1 เม.ย.2555 จะต้องมีเข็มขัดทุกที่นั่ง ถ้าไม่มีก็จะมีความผิด กลุ่มที่ 3 คือรถปิกอัพ รถสองแถว ที่มีด้านหลังเป็นที่นั่งและที่บรรทุก กฎหมายบอกว่าให้บรรทุกสิ่งของและสัตว์ ห้ามไม่ให้มีคนนั่ง อันนี้ก็บังคับให้รัดเข็มขัดที่เบาะนั่งคู่หน้า ถ้าไม่มีก็จะมีความผิด และ กลุ่มที่ 4 คือรถสี่ล้อเล็ก หรือรถกะป๊อ ตั้งแต่ 1 เม.ย.2555 ได้บังคับให้มีที่รัดเข็มขัด 2 คนหน้า ถ้าไม่มีก็จะมีความผิด แต่สำหรับรถยนต์ที่มีเด็กเล็กโดยสารน่าพ่วงคาร์ซีทเข้าไป
อีกหนึ่งเรื่อง ด้าน นายเชิดชัย สนั่นศรีสาคร รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวถึงกรณีคลิปวิดีโอเผยแพร่ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ มีเด็กอายุประมาณ 2 ขวบ จู่ๆ ตกลงมาจากรถ ขณะรถจอดติดไฟแดงแถวมีนบุรี แต่สุดท้ายไม่ได้รับอันตรายว่า ปกติเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่ทางผู้ปกครองต้องให้ความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ ไม่ใช่ปล่อยปละละเลย จนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ยิ่งเป็นเด็กเล็กที่ยังไม่มีวิจารณญาณมากพอ ไม่รู้ว่าอะไรอันตราย ไม่อันตรายด้วยแล้ว ผู้ปกครองจำเป็นต้องใส่ใจเป็นอย่างมาก ส่วนมาตรการดำเนินการคงไม่มี เพราะเป็นสิ่งที่ผู้ขับขี่ต้องให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ปกติแล้วจะมีกฎหมายจราจร ควบคุมการขับขี่ยานพาหนะของประชาชนบนท้องถนนอยู่ เรื่องการขับขี่รถบนถนนสาธารณะ นอกจากต้องระวังเพื่อความปลอดภัยของ ตัวเองแล้ว ยังต้องระวังความปลอดภัยของคันอื่นๆ รอบข้างด้วย ส่วนกรณีดังกล่าว จริงๆ แล้วผิดกฎหมายจราจร คดีอาญา เพราะถือว่าคนขับประมาท ทำให้ผู้ร่วมเดินทางตกอยู่ในอันตราย ซึ่งกฎหมายกำหนด ไว้ว่าผู้ขับขี่ต้องระมัดระวัง ดูแลผู้ร่วมเดินทางไม่ให้เกิดอันตราย นายเชิดชัยกล่าว ที่ต้องย้ำเตือนกันทุกบ่อยก็เพื่อความปลอดภัยของทุกคน เดินทางถึงจุดหมายปลายทางโดยสวัสดิภาพ
