พระเมธีธรรมาจารย์(ประสาร จนฺทสาโร) เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย(ศพศ) เปิดเผยกรณีที่ ตัวแทนเครือข่ายปกป้องพระธรรมวินัยแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยสมาชิกเครือข่ายต่างๆ ยื่นหนังต่อ ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ผ่านนางวลัยรัตน์ ศรีอรุณ รองประธานสปท. คนที่สอง เพื่อให้นำความยื่นไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กรณีที่เครือข่ายฯ ขอคัดค้านการแต่งตั้งสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญโญ) วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ใหม่ นั้น ว่า อาตมาขอตั้งข้อสังเกตว่าองค์กรพร้อมสมาชิกเครือข่ายที่กล่าวอ้าง มีชื่อองค์กรมากกว่าคนที่ไปยื่น ไม่รู้ว่าองค์กรเครือข่ายดังกล่าวดำเนินการอะไรบ้าง หรือจะตั้งขึ้นมาเฉพาะกิจเพื่อการณ์นี้โดยเฉพาะ
พระเมธีธรรมาจารย์ กล่าวต่อว่า ส่วนเหตุผลที่ยื่นหนังสือคัดค้าน โดยอ้างว่ามติมส.เมื่อวันที่ 5 มกราคมไม่เหมาะสมเนื่องจากไม่ได้รับรู้โดยสาธารณชนโดยทั่วไปและน่าเป็นโมฆะนั้น น่าสงสัยว่าไม่เข้าใจแนวปฏิบัติและแนวทางการทำงานของมส.แต่กลับออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านเพราะการประชุมมส.โดยปกติประชุมกันทุกวันที่ 10, 20 และ 30 ของเดือนยกเว้นประชุมวาระพิเศษซึ่งกรณีการนำเสนอชื่อสมเด็จพระราชาคณะขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงสถาปนาฯ สมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ ก็ถือเป็นวาระพิเศษจึงต้องประชุมนอกเหนือจากวันที่ 10, 20, 30 ที่เป็นการประชุมปกติ และแนวปฏิบัติดังกล่าวก็เป็นแบบนี้มานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาเป็นช่วงนี้ และที่บอกว่าประชาชนทั่วไปไม่ยอมรับมติวันที่ 5 มกราคมนั้น ยิ่งไปกันใหญ่ เป็นการกล่าวอ้างลอยๆ โดยไม่มีหลักฐาน ยืนยัน ฟังไม่ขึ้น เช่นเดียวกับกรณีที่พาดพิงถึงประเด็นพระลิขิต สะท้อนว่าผู้ยื่นหนังสือคัดค้านไม่เข้าใจความแตกต่างระหว่างพระลิขิต พระบัญชาและไม่รู้ว่าอันไหนจะต้องปฏิบัติตาม อาตมาจึงอยากให้กลับไปศึกษาธรรมเนียมปฏิบัติและข้อกฎหมายของคณะสงฆ์ให้ดีก่อนที่จะออกมาเคลื่อนไหว