เมื่อวันที่ 1 กันยายน นายสัจจะ คนตรง ผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ กรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังร่วมพิธีเนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาสำนักเทศกิจ กทม.ครบรอบ 32 ปี ว่า ในการดำเนินการตามระเบียบกรุงเทพมหานคร (กทม.) ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการแบ่งค่าปรับที่ได้จากการเปรียบเทียบให้แก่ผู้แจ้งความนำจับตามกฎหมายรักษาความสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2560 เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม จนถึงขณะนี้เป็นเวลาประมาณ 3 สัปดาห์ พบว่าประชาชนให้การตอบรับเป็นอย่างดีและสนใจร่วมแจ้งเบาะแสผ่านช่องทางต่างๆ เป็นจำนวนมาก ทำให้ขณะนี้มีผู้แจ้งเบาะแสทั้งสิ้น 2,377 ราย และแบ่งรางวัลนำจับให้แก่ผู้แจ้งเบาะแสทั้งหมด 60 กว่าราย เป็นเงิน 23,000 บาท ในจำนวนนี้ร้อยละ 50 ไม่ประสงค์รับเงินรางวัล
“อย่างไรก็ตาม ได้รับรายงานจากฝ่ายเทศกิจทั้ง 50 เขตว่า ปัญหาการฝ่าฝืนตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาดฯ มีแนวโน้มลดลง นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการจัดระเบียบที่เป็นไปตามนโยบาย พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. ที่เปิดให้ประชาชนเข้ามีส่วนร่วมและช่วยเป็นหูเป็นตาแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด โดยเฉพาะปัญหาการจอดหรือขับขี่จักรยานยนต์บนทางเท้า” นายสัจจะ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ภายหลังจัดระเบียบ เกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างเจ้าหน้าที่เทศกิจกับประชาชนบ้างหรือไม่ นายสัจจะ กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานว่าเกิดความขัดแย้งถึงขั้นรุนแรง แต่ประชาชนบางส่วนยังเข้าใจผิดว่า หากจอดรถบนทางเท้าชั่วคราวสามารถอลุ่มอล่วยได้ ซึ่งกรณีนี้ต้องขอเรียนว่า ตามกฎหมายแล้วแม้จะจอดรถเพียงชั่วครู่ในพื้นที่ทางเท้าก็ไม่สามารถกระทำได้ เพราะกฎหมายระบุชัดเจนให้กำจัดสิ่งขีดขวางให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อยบนทางเท้าและคูคลอง อย่างไรก็ตาม หากเจ้าหน้าที่พบเห็นการกระทำผิดบนทางเท้าจะเข้าไปแจ้งเตือนและถามหาเจ้าของรถให้เคลื่อนย้ายก่อน หากได้เคลื่อนย้ายแล้วถือเลิกแล้วต่อกัน แต่หากมีการฝ่าฝืนก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะยกรถไปยังสำนักงานเขตเพื่อเปรียบเทียบปรับต่อไป
