เดือนกันยายนของทุกปี จะเป็นเดือนสุดท้ายในการทำงานของข้าราชการหลายคน หลังจากทำหน้าที่รับใช้บ้านเมืองมาจนกระทั่งครบวัยเกษียณ 60 ปี ในวันที่ 30 กันยายน
หลายคนอาจจะต้องอยู่บ้านเลี้ยงหลานตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมเป็นต้นไปของทุกปี ดังคำพูดที่มักติดปากผู้ครบเกษียณอายุการทำงาน
แต่สำหรับข้าราชการอีกหลายคน ด้วยสภาพร่างกายที่ยังแข็งแรง มีความรู้ความสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลายคนจึงเลือกจะทำงานในด้านต่างๆ ต่อไป โดยยังไม่คิดจะหยุดพักผ่อน
ข้าราชการที่ยังลุยงานต่อมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ตรงกับสถานการณ์ประชากรที่ผู้สูงวัยมีมาก แต่แม้จะวัยสูงมากแล้วก็ยังมีแรงอยู่ ยังสามารถคิด ยังสามารถทำงานได้อยู่
นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า หลังจากเกษียณแล้ว ตนวางแผนพักผ่อน ดูแลสุขภาพ ดูแลร่างกาย คิดว่าจะหาเวลาออกกำลังกาย และดูแลพ่อแม่ ครอบครัว นอกจากนี้ ในส่วนของงานที่ได้รับมอบหมายคือการเป็นประธานคณะกรรมการปฏิรูปด้านระบบบริหารราชการแผ่นดินนั้น ก็จะหาเวลาศึกษางาน และทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีด้วย ทั้งนี้ เบื้องต้นคิดออกเพียงเท่านี้
นายสมชาย หาญหิรัญ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม อีกหนึ่งในข้าราชการ ระดับสูงดังว่า
นายสมชายเล่าให้ฟังว่า หลังเกษียณอายุราชการคงไปทำงานด้านวิชาการ และเป็นอาจารย์สอนพิเศษ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย รับสอนมานานกว่า 20 ปีแล้ว รวมถึงจะไปเขียนงานวิชาการด้านเศรษฐกิจแจกฟรีในเพซบุ๊ก หรืออีบุ๊ก เพื่อเผยแพร่ให้ผู้ที่สนใจอ่าน หรือนำไปใช้ประโยชน์ คิดว่าหลังเกษียณคงไม่เหงา เพราะยังเป็นคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ และยังเป็นคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจอยู่ บางแห่ง คงทำงานต่อเนื่องไป นายสมชายบอก
นายสมชายบอกอีกว่า ขณะนี้มีคนมาทาบทามเป็นที่ปรึกษา แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะรับไปทำหรือไม่
เมื่อถามถึงแผนการท่องเที่ยว นายสมชายบอกว่า ไม่มีแผนไปท่องเที่ยวไกลๆ แต่ในช่วงหลังเกษียณ 1-2 เดือน จะใช้เวลาพบปะพี่ๆ น้องๆ คณะต่างๆ ที่มาขอจัดเลี้ยงหลังเกษียณ เพราะในช่วงนี้ไม่ได้รับนัดใครเลย เนื่องจากต้องเคลียร์งานราชการ และงานได้รับมอบหมายโดยเฉพาะในเรื่องเหมืองแร่ และในเรื่องน้ำตาลให้ได้มากที่สุดก่อน
อีกหนึ่งสมชายที่ยังมีไฟ คือ นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต
นายสมชายกล่าวว่า หลังเกษียณจะไปทำงานเกี่ยวกับมวยอย่างเต็มตัว
“ก่อนหน้านี้มีงานอดิเรกทำควบคู่กับงานราชการ คือการรับตำแหน่งประธานฝ่ายพัฒนาเทคนิคสมาคมกีฬามวยสากลแห่งประเทศไทย วางเป้าหมายทำให้มวยไทยคว้าเหรียญทองในโอลิมปิกปี 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่น ดังนั้น เมื่อเกษียณคงไปทุ่มเทให้กับสมาคมเต็มที่”
นายสมชายเล่าวว่า จะไปดูแลค่ายมวย เจ้าพ่อโรงต้ม ซึ่งตั้งชื่อตามสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่คนกรมสรรพสามิตให้ความเคารพ เพื่อความเป็นสิริมงคล
ตอนนี้ได้พูดคุยตกลงกับ นายกฤษฎาจีนะวิจารณะ อธิบดีกรมสรรพสามิตคนใหม่เรียบร้อยแล้ว ว่าจะให้อธิบดีคนใหม่มาเป็นประธานค่ายมวยนี้
นายสมชายยังเล่าถึงความหลังว่า กีฬามวยเป็นสิ่งที่รักมาตั้งแต่เด็ก เมื่อทำงานในชีวิตราชการมา 40 ปี จนเกษียณอายุราชการ อยากกลับไปทำงานสิ่งที่รักต่อไป ไม่มีแผนเดินทางไปพักผ่อนหลังเกษียณที่ไหน เพราะเป็นพื้นเพต่างจังหวัด บ้านเกิดอยู่ที่เกาะสมุย การเดินทางกลับบ้านจึงเหมือนการพักผ่อนไปในตัว ในช่วงก่อนเกษียณ 1-2 เดือน มีภารกิจสำคัญคือ การเปลี่ยนถ่ายตำแหน่งไปให้อธิบดีกรมสรรพสามิตคนใหม่ ช่วงนี้กรมสรรพสามิตมีเรื่องต้องดำเนินการเกี่ยวกับ พ.ร.บ.สรรพสามิตใหม่ จะมีผลวันที่ 16 กันยายน ต้องทำเรื่องเกี่ยวข้องกับโครงสร้างและอัตราภาษีสรรพสามิตใหม่ทั้งหมด
เชื่อว่านายกฤษฎาจะทำได้ไม่มีปัญหา เพราะก่อนหน้านี้ดูในเรื่องนโยบายภาพรวมของกระทรวงการคลัง และทีมงานของกรมสรรพสามิตทำเรื่องภาษีเป็นทีมงานที่ดี
ช่วงนี้พยายามพานายกฤษฎาไปทำความรู้จักกับผู้บริหารกรม เชื่อว่านายกฤษฎาจะสามารถสานต่องานของกรมได้ทันทีหลังเข้ารับตำแหน่ง 1 ตุลาคม 2560
นอกจากนี้เมืองไทยยังมีข้าราชการระดับสูง และบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ ซึ่งเข้าสู่วัยเกษียณอายุอีกหลายคนในจำนวนหลายคนมีโอกาสได้ใช้ความรู้ความสามารถในหน้าที่การงานต่างๆ เพราะมีการต่ออายุอีกหลายคนมีแผนการสำหรับชีวิตของตัวเองแล้ว
สำหรับประเทศไทย หากสามารถมีและใช้ความรู้ความสามารถของบุคลากรเหล่านี้ได้ต่อไปอย่างต่อเนื่อง ย่อมถือเป็นสิ่งดี เพราะทรัพยากรของมนุษย์คือทรัพยากรที่มีค่าที่สุดของชาติ
การให้โอกาสผู้สูงวัยได้แสดงความสามารถก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยทำให้ชาติมีความเข้มแข็งในการก้าวไปข้างหน้า
เพราะบุคคลเหล่านั้นแม้จะถึงวัยเกษียณ แต่สำหรับการทำงานแล้ว ถือว่า ยังมีไฟอยู่