กรมอุทยานฯ ตั้งเป้าเก็บเงินรายได้ 2.5 พันล้าน “ติ๊ก เจษฎาภรณ์”มอบเงินช่วยพิทักษ์ป่า 1.9 แสน

เมื่อวันที่ 7 กันยายน ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดเสวนาเรื่อง “ภาคเอกชนและชุมชน พันธมิตรในการอนุรักษ์และส่งเสริมการท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติ” ในระหว่างการประชุมวิชาการในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 55 ปี อุทยานแห่งชาติ “55 ปีอุทยานแห่งชาติไทยสู่มาตรฐานสากล” โดยนายทรงธรรม สุขสว่าง ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ กล่าวตอนหนึ่งว่า ภารกิจสำคัญของกรมอุทยานฯ คือการปกป้องดูแลและรักษาทรัพยากรให้คงอยู่ ขณะที่อีกด้านหนึ่งอุทยานฯ ก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญที่นำรายได้สู่ประเทศ ทั้งนี้ปีที่ผ่านมาสามารถจัดเก็บเงินรายได้ 2,000 ล้านบาท สำหรับปีนี้คาดว่าจะสามารถจัดเก็บได้ 2,500 ล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ความภูมิใจของสำนักอุทยานฯ หรือกรมอุทยานฯ แต่หมายถึงการที่เราต้องช่วยกันดูแลทรัพยากรธรรมชาติให้มากขึ้น โดยในร่าง พ.ร.บ.อุทยานฯ ฉบับใหม่มีมีบทบัญญัติให้ต้องร่วมกับชุมชนในการดูแลรักษาทรัพยากรฯ ซึ่งจะต้องดำเนินการอย่างจริงจังต่อไป

นายเจษฎาภรณ์ ผลดี หรือ “ติ๊ก เจษฎาภรณ์” พิธีการรายการเนวิเกเตอร์และนักแสดงชื่อดัง กล่าวว่า ตนมีโอกาสเดินทางเดินทางไปในหลายพื้นที่ เชื่อเสมอว่าทุกอุทยานฯ มีศักยภาพพอๆ กัน อยู่ที่จะมองในมุมไหน เพื่อที่จะให้เกิดการเรียนรู้ในเรื่องทรัพยากรธรรมชาติ อย่างไรก็ตามในส่วนของพื้นที่ที่เข้าได้หรือไม่ได้ เพราะมีความเปราะบางต่อทรัพยากรธรรมชาติและสัตว์ป่านั้น บางพื้นที่มีการปิดกั้นมาก ซึ่งตนมองว่าการนำเสนอพื้นที่เหล่านี้จะทำให้คนเกิดความหวงแหนในทรัพยากรมากขึ้น ส่วนถ้ากลัวว่าหากมีการนำเสนอไปแล้วคนจะเข้าไปในพื้นที่มากนั้น เรื่องนี้ไม่น่าจะใช่ปัญหา แต่ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการของพื้นที่นั้นๆ มากกว่า จึงอยากให้มีการพิจารณาขั้นตอนในการอนุญาตให้เหมาะสมกับการสื่อสารในยุคปัจจุบัน ตนเคยไปในพื้นที่ที่มีความเปราะบางสูงคือเกาะกาลาปากอสซึ่งมีความหลากหลายทั้งพืชและสัตว์ แต่ก็ยังสามารถเดินทางเข้าไปได้ มันขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการ และอยากให้คนไทยทุกคนมีโอกาสเรียนรู้เรื่องราวธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง

ขณะที่นายวิระ บำรุงศรี ตัวแทนสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) กล่าวว่า หากถามว่าการท่องเที่ยวเป็นการสร้างโอกาสหรือทำลาย ตนพูดเลยได้เลยว่าเป็นการทำลายโดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความบอบบาง สิ่งสำคัญคือการกำหนดกฎกติกาในการเข้าพื้นที่ เรามีกฎแต่ไม่ได้บังคับใช้อย่างมีประสิทธิภาพ และบางครั้งการโปรโมทเรื่องการท่องเที่ยวกลับเป็นการสร้างปัญหาให้กับพื้นที่และชุมชนมากกว่า ดังนั้นสิ่งสำคัญจึงต้องสร้างจิตสำนึกให้กับคนไทยและนักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปในพื้นที่ต่างๆ เพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนต่อไป

Advertisement

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้ติ๊ก เจษฎาภรณ์ได้เป็นตัวแทนมอบเงินบริจาคจากโครงการ “ตามรอยเนวิเกเตอร์ ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี เพื่อการกุศลและสาธารณประโยชน์” ซึ่งรวบรวมจากแฟนคลับรายการเนวิเกเตอร์จำนวน 192,941 บาท เพื่อใช้เป็นสวัสดิการให้กับเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าของกรมอุทยานฯ โดยมีนายทรงธรรมเป็นผู้รับมอบ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image