ปลัด ทส.ชี้ “ดำรงค์”เข้าใจคลาดเคลื่อนแนวเขตป่าสงวนฯ ภูเก็ต สวนอธิบดีป่าไม้ดันแนวเขตวันแม็พป่าเขารวก-เขาเมืองเข้าที่ประชุม 21 ม.ค. ยันไม่เสียพื้นที่ 1,200 ไร่ให้นายทุน ระบุป่าสงวนฯ 1,221 แห่ง 252 อุทยานฯ-เขตห้ามล่าฯ-เขตรักษาพันธุ์ฯ พร้อมเข้าโครงการวันแม็ป “ดำรงค์” ยื่นข้อมูลให้ “ไพบูลย์” ตรวจสอบแล้ว ยันเจตนาดีต่อรัฐบาล
นายเกษมสันต์ จิณณวาโส ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.)ฯ ในฐานะประธานคณะทำงานตรวจสอบค่าพิกัดแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขารวกและป่าเขาเมือง จ.ภูเก็ต ตามที่ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีทส. ได้แต่งตั้งขึ้นเพื่อตรวจสอบกรณีที่นายดำรงค์ พิเดช สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) ระบุว่าอาจมีการสอดไส้กันแนวเขตป่าสงวนฯป่าเขารวกและป่าเขาเมืองออก จำนวน 1,200 ไร่ เอื้อประโยชน์นายทุนไว้ในโครงการวันแม็พของรัฐบาล โดยได้เรียกนายปรมินทร์ วงศ์สุวัฒน์ ผอ.สำนักฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่อนุรักษ์กรมอุทยานฯ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่แผนที่ของกรมอุทยานฯ เข้ามาชี้แจง
จากนั้นนายเกษมสันต์ให้สัมภาษณ์ว่า ตามที่นายดำรงค์ออกมาเปิดเผยเรื่องดังกล่าวน่าจะเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนในเรื่องของแผนที่ โดยพล.อ.สุรศักดิ์ได้แต่งตั้งตนเป็นประธานคณะทำงานตรวจสอบฯ ซึ่งจะใช้ระยะเวลา 10 วันในการตรวจสอบ อย่างไรก็ตามในส่วนของแนวเขตป่าสงวนฯ ป่าเขารวก ป่าเขาเมืองตนจะเร่งทำให้เสร็จก่อนการประชุมคณะกรรมการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1:4000 (วันแม็ป) ในวันที่ 21 ม.ค.นี้ ส่วนที่นายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ ไปขอถอนเรื่องออกมาก่อนก็เป็นเรื่องของนายชลธิศ แต่ตนจะไปเสนอเข้าไปใหม่ เพราะป่าสงวนฯที่เสนอเข้าไปในคณะกรรมการวันแม็พ จำนวน 1,221 ป่า มีปัญหาแค่แห่งเดียว และยืนยันว่าไม่มีการเสียพื้นที่ 1,200 ไร่ และไม่มีการเป่าคดีแน่นอน นอกจากนั้นยังมีพื้นที่อุทยานฯ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเขตห้ามล่าสัตว์ป่าที่จะเสนอเข้าสู่คณะกรรมการ จำนวน 252 แห่ง โดยทั้งหมดใช้ข้อมูลแนวเขตตามกฎหมายกรมป่าไม้และกรมอุทยานฯ
เมื่อถามว่าการประชุมคณะกรรมการวันแม็พในวันที่ 21 ม.ค.จะเป็นการรับรองแนวเขตป่าสงวนฯ ให้ถูกต้องตามกฎหมายเลยหรือไม่ นายเกษมสันต์กล่าวว่า ยังไม่เสร็จสิ้นเพราะว่าวาระหลักคือการพิจารณาเรื่องของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ในเรื่องการจัดสรรที่ดินให้กับราษฎรที่ยากไร้เป็นหลัก และจะเป็นการพูดถึงกรอบการทำงานของคณะกรรมการวันแม็พว่ามีแนวทางอย่างไร ยังไม่สิ้นสุด ส่วนจะประกาศใช้เมื่อไรก็เป็นเรื่องของกระทรวงยุติธรรม
ด้านนายดำรงค์กล่าวถึงกรณีพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตรา 1:4000 (วันแม็ป) ระบุว่าให้นำพยานหลักฐานการกันพื้นที่ 1,200 ไร่ มูลค่า 5 หมื่นล้านบาท ออกจากแนวเขตพื้นที่ป่าสงวนฯ ป่าเขารวก เขาเมือง ไปให้ตรวจสอบ ไม่ต้องไปใช้หน้าสื่อทำงานว่า ตนไปยื่นข้อมูลที่กระทรวงยุติธรรมแล้ว เมื่อวันที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมามีเลขหนังสือลงรับเอกสาร เป็นเวลาก่อนที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมจะให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ ตนก็อยากพบพล.อ.ไพบูลย์ แต่วันที่ตนไปยื่นข้อมูลรัฐมนตรีติดประชุม ถามเจ้าหน้าที่ที่กระทรวงยุติธรรมได้ และตนก็ไม่อยากไปรบกวนเวลาอันมีค่าซึ่งอาจมีเรื่องสำคัญมากกว่าตนก็ได้ ยืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นตนไม่ได้พูดเรื่อยเปื่อย มีเอกสารชัดเจน ให้พล.อ.ไพบูลย์เอาเอกสารไปตรวจพิสูจน์ ว่าอันไหนถูกผิดอันไหนผิด เรื่องนี้เป็นเรื่องของชาติบ้านเมือง ไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาเอาชนะคะคานกัน พื้นที่ดังกล่าวเป็นสมบัติของท่านและคนไทยทุกคน พื้นที่ใดถูกต้องก็ว่ากันไป ถ้าไม่ถูกต้องก็แก้ไข ตนมีเจตนาดีเพื่อไม่ให้รัฐบาล รัฐมนตรีทส. และตัวพล.อ.ไพบูลย์เสียหาย ให้รับทราบว่าเป็นการกระทำของเด็กข้างล่างกลุ่มหนึ่งแค่นั้นเอง
นายดำรงค์กล่าวอีกว่า ทั้งนี้พื้นที่อุทยานฯสิรินาถ ตนเคยติดตามตรวจสอบมาตั้งแต่สมัยเป็นอธิบดีกรมอุทยานฯ ตนมีเจตนาดีต่อชาติบ้านเมือง ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีต่อใคร ขอให้มาร่วมกันแก้ไขให้มันดีขึ้น ทั้งนี้ตนจะลงไปตรวจสอบพื้นที่อีกครั้งในช่วงปลายเดือน ม.ค.นี้ วันนี้เรื่องทรัพยากรธรรมชาติของประเทศถ้าไม่ได้สื่อมวลชนเจ๊งยิ่งกว่านี้อีก อย่าเที่ยวไปโทษด่าสื่อมวลชน ไม่ใช่ตนเอาใจสื่อ สมัยเป็นอธิบดีตนก็รู้หลายเรื่องจากสื่อมวลชนเพราะเขาอยู่ในพื้นที่และตรวจสอบว่าจริงไม่จริง ปล่อยให้ราชการทำงานเองไม่มีทางดูแลได้ทั่วถึง หน้าที่ของสื่อวันนี้ถูกต้องแล้ว
