พ.ต.อ.เทวานุวัฒน์ อนิรุทธเทวา รองผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร(กทม.) กล่าวว่า ปัญหาภัยแล้งถูกแบ่งเป็น 6 ภัยที่จะได้รับผลกระทบ ประกอบด้วย 1.ภัยที่เกิดจากการขาดน้ำอุปโภค บริโภค 2.ภัยที่เกิดจากการขาดน้ำภาคการเกษตร 3.ภัยน้ำเค็ม 4.ภัยอาคารทรุด ถนนทรุด 5.ภัยไฟไหม้หญ้าและอาคารบ้านเรือน และ 6.ภัยจากโรคที่มากับภัยแล้ง ล่าสุดมีการแจ้งมาว่าพื้นที่ 3 เขต ประกอบด้วย เขตคลองสามวา สวนหลวง และหนองจอก เป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเกี่ยวกับปัญหาภัยแล้ง ซึ่งทางสำนักสิ่งแวดล้อมและสำนักงานเขตได้เตรียมรถบรรทุกน้ำ โดยขอการสนับสนุนน้ำจากการประปานครหลวง เข้าไปช่วยเหลือประชาชนจำนวน 12 คัน อีกทั้งจัดเตรียมแท็งก์น้ำสแตนเลส ขนาดความจุ 300 ลิตร จำนวน 41 ถัง และความจุ 550 ลิตร จำนวน 85 ถัง แท็งก์น้ำเหล็กขนาดความจุ 1,600 ลิตร จำนวน 34 ถัง เตรียมไว้สนับสนุนทุกระยะหากได้รับการร้องขอจากสำนักงานเขต ขณะเดียวกันสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้เตรียมรถบรรทุกน้ำ รถดับเพลิง เจ้าหน้าที่ทั้ง 35 สถานี เพื่อเตรียมความพร้อมเพื่อสนับสนุนการช่วยเหลือ
พ.ต.อ.เทวานุวัฒน์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้สำนักพัฒนาสังคม จะประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรงดการทำนาปรังและการเลี้ยงปลาในกระชังในช่วงหน้าแล้ง และให้หันมาปลูกพืชใช้น้ำน้อยแทน ส่วนสำนักงานเขตแต่ละพื้นที่จะเป็นเจ้าภาพในการช่วยเหลือ โดยมีสำนักการระบายน้ำเตรียมความพร้อมในเรื่องต้นทุนน้ำสำรองจากน้ำที่ผ่านการบำบัดน้ำเสียที่ผลิตได้ประมาณ 9 แสนลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.)ต่อวัน เพื่อนำมาใช้ช่วยเหลือในภาคการเกษตร อย่างไรก็ตาม จากการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าในช่วงเดือนพฤษภาคมจะมีฝนตกลงมาตามฤดูกาล ส่วนการประปานครหลวงยืนยันว่าน้ำที่จะใช้อุปโภคและบริโภคจะไม่มีปัญหา แต่กทม.ยังเป็นห่วงสถานการณ์น้ำทะเลที่หนุนเข้ามาจะมีผลกระทบกับดินเค็ม ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาแก้ปัญหาเรื่องดินเค็มพอสมควร
