พสกนิกรพร้อมใจกราบพระบรมศพ 5 วันสุดท้ายแน่นท้องสนามหลวง

เมื่อวันที่ 26 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเข้าสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 328 พสกนิกรจากทั่วทั้งประเทศต่างพร้อมใจกันแห่แหนมาเข้าคิวเพื่อสักการะพระบรมศพตั้งแต่คืนก่อนหน้า เพื่อจะได้เป็นคิวต้นๆ เมื่อเปิดให้เข้าคิว ซึ่งพสกนิกรคนสุดท้ายที่ได้เข้ากราบสักการะพระบรมศพของวันที่ 25 กันยายน ได้ออกจากพระบรมมหาราชวังเวลา 02.45 น.

โดยในวันนี้ตั้งแต่ช่วงเช้า พสกนิกรที่เข้าจุดคัดกรองที่บริเวณวงเวียนรักษาดินแดน แถวยาวออกมาเลยถนนกัลยาณไมตรีประมาณ 60 เมตร บางช่วงเวลามีพสกนิกรต่อคิวยาวไปจนถึงสวนเจ้าเชตุ ขณะที่ประชาชนที่เข้าจุดคัดกรองโรงแรมรัตนโกสินทร์ ปลายแถวได้ยาวไปถึงกองสลากเก่าในบางช่วงเวลา และมีปลายแถวอยู่ที่บริเวณโรงแรมรัตนโกสินทร์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้กางเต็นท์ให้ประชาชนได้ต่อแถวรอในร่มตลอดเส้นถนน และให้ประชาชนที่เข้าจุดคัดกรองทั้งสองจุดสลับกันเข้าเต็นท์ เพื่อเข้าสนามหลวงที่เต็นท์ตรงข้ามศาลฎีกา ซึ่งหลายคนต้องใช้เวลารอนับสิบชั่วโมง

น.ส.เกตุวลี กะปินะ อายุ 31 ปี และ น.ส.สร้อยมณี จิตรีโภชน์ อายุ 38 ปี พร้อมเพื่อนๆ รวม 7 คนจาก อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี มาเข้าคิวสักการะตั้งแต่ช่วงตี 3 และได้ขึ้นกราบในเวลาเกือบบ่ายโมง กล่าวว่า มากราบสักการะพระบรมศพเป็นครั้งแรก เมื่อใกล้วันพระราชพิธีถวายพระเพลิงแล้วจึงลางานมากราบ เพราะหากไม่มาวันนี้ก็คงไม่มีโอกาสอีกแล้ว ที่ผ่านมาไม่เคยได้เฝ้าฯรับเสด็จ เพียงแต่ได้รับเสด็จริมถนนเมื่อขบวนรถยนต์พระที่นั่งขับผ่านแถวอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อได้มากราบครั้งนี้ก็รู้สึกตื้นตันตั้งแต่ก้าวเท้าเข้าพระบรมมหาราชวัง และอยากจะมาอีกครั้งในวันที่ 26 ตุลาคม หากมีโอกาส

น.ส.สร้อยมณีกล่าวเพิ่มเติมว่า ด้วยดำรงชีพเป็นข้าราชการกรมชลประทาน จึงประทับใจเรื่องฝนหลวงเป็นพิเศษ เพื่อนร่วมงานหลายคนจากหลายภูมิภาค ได้เล่าประสบการณ์ชีวิตที่ทำให้ชีวิตดีขึ้น จากโครงการฝนหลวงของพระองค์ มีน้ำใช้ในการปลูกพืชผักต่างๆ ขณะที่ตนมีโอกาสได้เห็นนักเรียนต่างๆ ในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนแถบสังขละ ก็ได้เห็นนักเรียนหลายคนได้เรียน ได้มีความรู้จากสิ่งที่พระองค์พระราชทานให้ และได้กลับไปพัฒนาหมู่บ้านของเขา ก็ทำให้ภูมิใจและประทับใจในสิ่งที่พระองค์ทรงทำให้คนไทย

Advertisement

ด้าน น.ส.ละเอียด คำกระโทก อายุ 38 ปี พนักงานโรงงานแห่งหนึ่งใน จ.ลพบุรี กล่าวภายหลังได้เข้ากราบสักการะพระบรมศพเป็นครั้งแรกในชีวิตว่า ปลาบปลื้มใจอย่างบอกไม่ถูก วันนี้มาพร้อมเพื่อนบ้านรวม 13 คน เหมารถตู้เดินทางมาตั้งแต่เวลา 22.00 น. มาถึงบริเวณท้องสนามหลวงเวลา 02.00 น. และได้เข้ากราบเวลา 07.45 น. ก่อนหน้านี้เคยเดินทางมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 กันยายน แต่ไม่ได้เข้ากราบเพราะมีผู้คนมาเป็นจำนวนมาก วันนี้จึงวางแผนใหม่ออกเดินทางช่วงกลางดึกเพื่อให้ได้เข้ากราบคิวแรกๆ

“เพิ่งมีโอกาสได้มาเพราะติดธุระการงาน อยากมากราบพระองค์สักครั้ง รักพระองค์มาก พระองค์ทรงเป็นพ่อของแผ่นดิน เป็นความภาคภูมิใจที่ได้เกิดบนแผ่นดินไทย อยู่ใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารของพระองค์ ตลอดชีวิตเห็นพระองค์ทรงเดินทางบุกป่าฝ่าดงไปทั่วประเทศ ทำนาปลูกข้าวให้เห็นเป็นตัวอย่าง ทรงหาอาชีพไปให้คนไทยที่เดือดร้อนให้ได้อยู่ได้กิน ที่ลพบุรีมีเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ที่พระองค์ทรงให้สร้างขึ้น เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมและเก็บน้ำใช้ยามหน้าแล้ง ทำให้คุณภาพชีวิตประชาชนโดยรอบเขื่อนดีขึ้นมาก” น.ส.ละเอียดกล่าว

ด้าน ด.ญ.วณิชยา จำปาศรี อายุ 14 ปี ที่เดินทางมาด้วยกัน กล่าวว่า พอรู้ว่ามีการนัดแนะกันเพื่อเดินทางมากราบพระบรมศพ ก็รีบขอติดตามมาด้วย และเป็นครั้งแรกเช่นกันที่มีโอกาสได้มา ทั้งนี้ วินาทีแรกที่ถึงท้องสนามหลวงรู้สึกตกใจเล็กน้อย เพราะเห็นผู้คนเรือนหมื่นมารอแต่เช้ามืด ถึงแม้จะรอนานแต่เมื่อได้กราบพระบรมศพแล้ว รู้สึกตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก ส่วนตัวรักและศรัทธาในหลวง ร.9 ในแง่เป็นนักคิดค้นและแก้ปัญหา ประทับใจโครงการฝนหลวงที่แสดงถึงพระอัจฉริยภาพ พระองค์ท่านสามารถทำให้มีฝนตกในพื้นที่แห้งแล้ง ทำให้ประชาชนมีน้ำกินน้ำใช้ ความมุ่งมั่นพยายามทำทุกอย่างให้ประสบความสำเร็จ กลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้ตัวเองตั้งใจเรียนหนังสือ เพื่อจบออกมาจะได้นำไปประกอบอาชีพและเลี้ยงตัวได้ในอนาคต

Advertisement

สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 25 กันยายน หลังสำนักพระราชวังปิดไม่ให้ประชาชนเข้าพระบรมมหาราชวัง เพื่อขึ้นกราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในเวลา 02.02 น. ของวันที่ 26 กันยายน จากกำหนดเดิมเวลา 21.00 น. เนื่องจากยังมีประชาชนเข้าแถวรอกราบสักการะพระบรมศพในมณฑลพิธีสนามหลวงเป็นจำนวนมาก ว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 64,436 คน รวม 327 วัน มี 11,260,388 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 4,715,056.50 บาท รวม 327 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 834,241,170.01 บาท

 

วณิชยา-ละเอียด (ที่ 2 และ 3 จากซ้าย)
สร้อยมณี-เกตุวลี
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image