เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พล.ต.ท.ชินทัต มีศุข รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังประชุมกองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณโดยรอบพระบรมหาราชวัง (กอร.รส.) เรื่อง การเตรียมความพร้อมในการอำนวยความประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร สำหรับพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ว่า กทม.ยังไม่สามารถคาดการณ์จำนวนตัวเลขประชาชนที่ชัดเจนในช่วงพระราชพิธีสำคัญได้ แต่คาดว่าจะมีประชาชนเดินทางมายังท้องสนามหลวงอย่างล้นหลาม โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้าควบคุมทุกพื้นที่โดยรอบมณฑลพิธีท้องสนามหลวง เบื้องต้นได้ประสานให้แบ่งพื้นที่ออกเป็น 12 โซนเพื่อดูแลรักษาความปลอดภัย พร้อมมอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) รับผิดชอบในส่วนของการจราจรและความปลอดภัยทั้งหมด ส่วนกทม.เป็นผู้สนับสนุนเรื่องอุปกรณ์และการอำนวยความสะดวก หรือตามที่แต่ละหน่วยงานร้องขอ ทั้งนี้ ในส่วนของการกำหนดบริเวณการเข้าพื้นที่ของประชาชนในช่วงเวลาสำคัญดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของฝ่ายความมั่นคงว่าจุดใดหรือบริเวณใดของพื้นที่สนามหลวงที่ประชาชนจะเข้ามาร่วมในการพิธีได้ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าร่วมพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพได้อย่างทั่วถึง กทม.ยังได้จัดสร้างพระเมรุมาศจำลอง 9 แห่ง ซุ้มถวายดอกไม้จันทน์ 42 แห่ง และสถานที่ถวายดอกไม้จันทน์ตามพื้นที่ทั้ง 50 เขต อีก 62 แห่ง รวมทั้งสิ้น 113 แห่งทั่วกรุงเทพฯ
พล.ต.ท.ชินทัต กล่าวอีกว่า ปัจจุบันได้รับรายงานจากหน่วยงานเอกชนว่าโรงแรมโดยรอบเกาะรัตนโกสินทร์ได้ถูกจองเต็มทั้งหมดแล้ว กทม.จึงได้จัดศูนย์เยาวชนกทม.ไทย-ญี่ปุ่น เขตดินแดง ไว้รองรับประชาชนได้ส่วนหนึ่ง และอยู่ระหว่างจัดหาที่พักตามวัดและพื้นที่ใกล้เคียงให้แก่ประชาชน โดยจะแจ้งให้ทราบต่อไป และได้รับการประสานงานจากกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาว่าอยู่ระหว่างจัดหาที่พักให้แก่ประชาชนเช่นกัน ซึ่งสามารถสอบถามเจ้าหน้าที่รัฐได้ช่วงใกล้วันงาน ในส่วนของห้องสุขา กทม.ได้จัดเตรียมรถสุขาไว้ทุกจุดบริเวณสถานที่ถวายดอกไม้จันทน์ หรือจุดพักคอยต่างๆ รวมถึงประสานงานกับภาคเอกชนเพื่อจัดเตรียมรถสุขาเพิ่มเติมด้วย
“สำหรับความคืบหน้าการก่อสร้างเส้นทางริ้วขบวนอิสริยยศฯ ดำเนินการแล้วเสร็จร้อยละ 99 อยู่ระหว่างปรับปรุงและแก้ไขในบางส่วนเท่านั้น ส่วนพระเมรุมาศจำลอง และจุดถวายดอกไม้จันทน์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างซึ่งเกือบสมบูรณ์แล้วเช่นกัน” พล.ต.ท.ชินทัต กล่าว
