เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) นำคณะประกอบด้วย ผู้บริหาร กทม. สำนักการระบายน้ำ สำนักการโยธา สำนักงานเขตพระนคร และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ล่องเรือตรวจความพร้อมแนวป้องกันน้ำท่วมริมแม่น้ำเจ้าพระยาและตรวจเยี่ยมชุมชนนอกแนวป้องกันน้ำท่วม ซึ่งพบว่าริมแม่น้ำเจ้าพระยาหลายจุดมีการเรียงกระสอบทรายอุดรอยรั่วเนื่องจากการก่อสร้างเขื่อนยังไม่แล้วเสร็จสมบูรณ์
พล.ต.อ.อัศวิน เปิดเผยว่า เนื่องจากกรมชลประทานได้รายงานว่า แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นพื้นที่รองรับมวลน้ำจากทางภาคเหนือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยประชาชน สั่งการให้ กทม.ดูแลประชาชนตามริมแม่น้ำพระยาอย่างใกล้ชิด กทม.จึงเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ประจำสถานีเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ฝนจากเรดาร์ทั้ง 3 ตัว ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ ได้รับรายงานจากสำนักการระบายน้ำว่า ขณะนี้เขื่อนเจ้าพระยาได้ปล่อยน้ำลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาประมาณ 2,600 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวินาที ส่วนจุดวัดน้ำที่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา 2,300 ลบ.ม.ต่อวินาที ยังน้อยกว่าเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ที่วัดได้ 3,000 ลบ.ม.ต่อวินาที ขณะนี้สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ บ้านเรือนประชาชนนอกเขตกั้นน้ำ ที่กระจายอยู่ตามพื้นที่ 10 เขต รวม 18 ชุมชน จำนวน 430 ครัวเรือน
“วันนี้ กทม.ได้แจ้งเตือนให้ประชาชนยกของขึ้นที่สูง เนื่องจากเริ่มมีน้ำไหลเข้าบ้านเรือนบางส่วนแล้ว อีกทั้ง ยังมอบหมายให้สำนักการแพทย์และสำนักอนามัย จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ดูแลปัญหาโรคที่มากับน้ำท่วม โดยเฉพาะโรคมือเท้าเปื่อยและโรคฉี่หนู สำหรับประชาชนตามแนวป้องกันน้ำท่วมนั้น ได้รับแจ้งว่าในวันที่ 12 ตุลาคมนี้ ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาจะขึ้นสูงสุด สูงกว่า 1.04 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง (ม.รทก.) ส่วนในวันที่ 17-18 ตุลาคมนี้ ระดับน้ำจะขึ้นสูงสุดที่ 1.15 ม.รทก.เพราะมีน้ำเหนือ น้ำทะเลหนุน และน้ำฝน แต่ยังมั่นใจว่าจะไม่ส่งผลต่อกรุงเทพฯ เพราะแนวป้องกันน้ำท่วมของกทม.สามารถรองรับปริมาณน้ำได้อีกประมาณ 1 ม. หากน้ำจะขึ้นมาสูงถึง 20 เซนติเมตร ก็สามารถรับมือได้ เราจะพยายามทำให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเป็นครั้งที่ 3 นับตั้งแต่ปี 2494 และ ปี 2554” พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวและว่า ขณะนี้ กทม.ได้เตรียมเครื่องสูบน้ำทั้งหมด 1,500 เครื่อง ติดตั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ แม้จะฝนตกอาจเกิดน้ำท่วมขังบ้าง แต่ กทม.พยายามแก้ไขและระบายน้ำอย่างรวดเร็วที่สุด จากใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง เหลือเพียง 1 ชั่วโมง โดยเฉพาะที่บริเวณท้องสนามหลวงและโดยรอบพระบรมมหาราชวัง สำนักการระบายได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำให้เร่งระบายน้ำได้ทุกจุด
ผู้สื่อข่าวถามถึงการรื้อย้ายบ้านที่รุกล้ำตามแม่น้ำเจ้าพระยา พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า บ้านที่รุกล้ำให้ความร่มมือดี แต่ขอให้ กทม.อำนวยความสะดวกในการรื้อย้าย ซึ่งจะมอบหมายให้เขตดุสิตและสำนักการโยธาดำเนินการต่อไป คาดว่าปลายปีนี้ จะสามารถาฃตอกเสาเข็มโครงการทางเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาได้
นางเพชรอารีรัตน์ กิวโมก ประชาชนที่อาศัยอยู่ในชุมชนศาลเจ้าแม่ทับทิม กล่าวว่า สิ่งที่ชุมชนต้องการ คือการช่วยเหลือทางด้านสาธารณสุข เนื่องจากในชุมชนมีเด็ก เกรงว่าอาจได้รับผลกระทบกับโรคที่มากับน้ำ
