| ที่มา | มติชนรายวันหน้า 23 |
|---|---|
| เผยแพร่ |
นายโธมัส ดาวิน ผู้แทนองค์การยูนิเซฟ ประจำประเทศไทย กล่าวถึงการดำเนินโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ของรัฐบาลที่อุดหนุนเงิน 400 บาท ให้เด็ก 0-1 ปี ที่เกิดระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2558 ถึง 30 กันยายน 2559 ในครัวเรือนยากจนหรือเสี่ยงต่อความยากจนว่า ประเทศไทยดำเนินโครงการได้ดีมาก จะเห็นว่าในไม่กี่เดือนสามารถนำผู้หญิงตั้งครรภ์มาลงทะเบียนได้เกินครึ่งจากกลุ่มเป้าหมาย เปรียบเทียบจากต่างประเทศที่ต้องใช้เวลา 2-3 ปีกว่าจะเปิดให้ลงทะเบียนได้ ตนยังประทับใจกับการทำงานในครั้งนี้ ที่หลายกระทรวงผนึกกำลังทำงานอย่างเข้มแข็ง อันจะทำให้เกิดประโยชน์กับเด็กมหาศาล
นายโธมัสกล่าวอีกว่า ยูนิเซฟยังเห็นด้วยที่รัฐจะพิจารณาขยายโครงการเงินอุดหนุนที่ให้เงิน 600 บาท เด็ก 0-3 ปี ในครัวเรือนยากจน แม้เราจะยืนยันในข้อเสนอเดิมคือ ให้เงิน 600 บาท เด็ก 0-6 ปี แบบถ้วนหน้า แต่เราก็คิดว่ารัฐจะค่อยๆ ปรับเพิ่มไปจนถึงระดับที่เหมาะสม โดยยูนิเซฟจะร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อทำให้รัฐบาลเห็นว่าการลงทุนในเด็ก ซึ่งเป็นช่วงเริ่มแรกของชีวิต เป็นช่วงสำคัญของการพัฒนาสมอง มีประโยชน์อย่างไร
ถามว่าการมีสวัสดิการสังคมเด็กแรกเกิด จะทำให้ประชาชนพึ่งพารัฐติดเป็นนิสัยหรือไม่ นายโธมัสกล่าวว่า โครงการลักษณะนี้ในประเทศพัฒนาแล้วก็มี ต้องบอกว่าทุกการพัฒนาจะมีคนกลุ่มหนึ่งที่ตกหล่น พวกเขาต้องการความช่วยเหลือจากรัฐ อย่างเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดก็เป็นส่วนหนึ่ง ยิ่งเมื่อได้สนับสนุนให้เรียนฟรีด้วย เราก็หวังว่าพวกเขาจะได้รับการช่วยเหลือ ทำให้ชีวิตดีและมีความสุขได้ ที่สุดอาจเปลี่ยนสถานะเป็นผู้มีรายได้ปานกลางได้ ส่งผลต่อเศรษฐกิจและสังคมในอนาคต ซึ่งตนรู้สึกชื่นชมรัฐบาลไทยที่ให้ความสำคัญการพัฒนาคน
