เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.สรลักษณ์ มิ่งไทยสงค์ ผู้อำนวยการโรงพบาบาลบางน้ำเปรี้ยว ในฐานะประธานชมรมผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมชนแห่งประเทศไทย ได้ทำหนังสือถึงพล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกฯ เพื่อขอคัดค้านพ.ร.บ.พลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ.2559 ที่จะมีผลบังคับใช้เต็มรูปแบบในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ เพราะจะมีผลต่อการทำงานของโรงพยาบาลชุมชนทั่วประเทศ โดยเฉพาะมาตรา 93 ที่กำหนดให้ผู้รับอนุญาตต้องจัดให้มีเจ้าหน้าที่ทางเทคนิคเกี่ยวกับวัสดุนิวเคลียร์ (Radiation Safety officers : RSO) ปฏิบัติหน้าที่ในสถานที่กำหนดของผู้รับใบอนุญาต อย่างน้อย 1 คนประจำอยู่ตลอดเวลาที่เปิดทำการ ซึ่งจะหาได้ยากมากหรือหาไม่ได้เลย จึงสุ่มเสี่ยงต่อการผิดกฎหมาย
นพ.สรลักษณ์ระบุว่า ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ที่ทำงานด้านรังสีในโรงพยาบาลชุมชนที่จบวุฒิปริญญาตรีมีน้อยมาก ส่วนใหญ่จะนำลูกจ้างมาปฏิบัติงาน โดยอยู่ในความดูแลของแพทย์หรือนักรังสี ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของทบวงพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ ที่กำหนดให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถใช้เครื่องหรือฝึกเจ้าหน้าที่ได้โดยไม่ต้องเป็น RSO อีกทั้งการหา RSO ต้องหาบุคคลที่มีวุฒิปริญญาตรีไปสอบเพื่อได้ใบอนุญาตมาเป็นผู้ดูแลความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งในทางปฏิบัติทำได้ยากมาก หากทำไม่ได้ต้องรับโทษอาญาจำคุก 5 ปี หรือปรับ 5 แสนบาท
นพ.สรลักษณ์ระบุว่า นอกจากนี้การขออนุญาตครอบครองเครื่องกำเนิดรังสี จากบทบัญญัติลงโทษที่ให้ผู้ขออนุญาตเป็นผู้รับผิดทั้งหมด จะทำให้ไม่มีใครต้องการเป็นผู้ขออนุญาต แม้แต่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเอง แต่ในฐานะหัวหน้าหน่วยงาน จำเป็นต้องเป็นผู้ขออนุญาต อย่างไรก็ตามถ้ากฎหมายนี้ประกาศใช้จะมีผลกระทบต่อประชาชนที่มารับบริการ เพราะผู้อำนวยการไม่สามารถที่จะให้ RSO มาดูแล 24 ชั่วโมงได้ อาจจำเป็นจะต้องปิดให้บริการตามกฎหมายดังกล่าว
“ดังนั้นทางชมรมผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมชนแห่งประเทศไทย จึงขอให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ออกกฎหมายยกเว้นเครื่องเอ็กซเรย์วินิจฉัยทางการแพทย์ออกไปจากพ.ร.บ.นี้ทั้งหมดและให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ดูแล และขอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)ช่วยแก้กฎหมายให้เครื่องเอ็กซเรย์วินิจฉัยทางการแพทย์ ออกจากการควบคุมดูแลของกฎหมายนี้ และมาอยู่ในการดูแลของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นไปตามหลักสากลมากกว่า”นพ.สรลักษณ์ระบุ
